RCL พุ่งเกือบ 11% แรงในรอบเกือบ 9 เดือน เหตุดัชนีค่าระวางเรือฟื้นตัวต่อเนื่อง
RCL พุ่งเกือบ 11% แรงในรอบเกือบ 9 เดือน เหตุดัชนีค่าระวางเรือฟื้นตัวต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน)หรือ RCL ณ เวลา 10.27 น. อยู่ที่ระดับ 6.70 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 10.74%ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.64 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบเกือบ 9 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 6.70 บาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.59
บล.เอเซีย พลัสระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่าแนวโน้มดัชนีค่าระวางเรือ BDI ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ได้ปรับขึ้นมามากกว่า 231% จากจุดต่ำสุดในช่วงต้นปี 2559 (ใกล้เคียงกับราคาน้ำมัน) ตามความต้องการใช้นำเข้าสินแร่เหล็กและถ่านหินของโลกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะนจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ของโลก เนื่องจากเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ช่วง 1Q60 เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในออสเตรเลีย และอาร์เจนตินา ซึ่งทำให้มีการส่งมอบสินค้า และหนุนให้เกิดความต้องการเรือเทกองในงวด 1Q60 และคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีน ถือเป็น sentiment บวกต่อ TTA และ PSL
ส่วนดัชนีเรือคอนเทนเนอร์ (ขนส่งสินค้าสำเร็จรูป) คือ ดัชนี SHI โดย RCL เป็นตัวแทนค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์แถบเอเซีย สามารถฟื้นตัวได้เช่นกัน ล่าสุดอยู่ที่ 990 จุด จากจุดต่ำสุดที่ 400 จุด ช่วงต้นปี 2559 แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลบวกให้ภาคการค้าระหว่างประเทศฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตามธุรกิจเรือคอนเทนเนอร์ต่างจากเรือเทกองตรงที่ต้องแบกภาระต้นทุนน้ำมันทั้งหมด จึงมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ จึงทำให้การฟื้นตัวล่าช้ากว่าเรือเทกอง และคาดจะเผชิญความเสี่ยงขาดทุนในช่วง 1-2 ปีนี้อยู่
เชื่อว่าภาพธุรกิจเดินเรือมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยเลือก TTA ([email protected]) เป็น Top pick จากความโดดเด่นที่มีการกระจายรายได้หลายธุรกิจ นอกเหนือจากได้ประโยชน์จากดัชนีเรือเทกองที่ฟื้นตัวแล้ว ยังได้รับประโยชน์จากการลงทุน บริษัทย่อย เมอร์เมด (ถือหุ้น 57%) ซึ่งทำธุรกิจเรือขุดเจาะน้ำมันและเรือวิศวกรรมสำรวจใต้ทะเล ซึ่งคาดจะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น และ UMS (ถือหุ้น 48.46%) ซึ่งเป็นผู้ค้าถ่านหิน น่าจะได้รับผลบวกจากราคาถ่านหินฟื้นตัวเช่นกัน
โดยคาดว่า TTA จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไรในปี 2560 จากปี 2559 ที่คาดว่าจะขาดทุน 244 ล้านบาท ได้ ขณะ PSL และ RCL แม้คาดผลการดำเนินงานดีขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงขาดทุนในปี 2560 โดย RCL(ซื้อ:[email protected]) เผชิญกับต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถผลักภาระให้ลูกค้าได้ทันที ขณะที่ PSL(Switch :FV@B9) ถูกกดดันจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ค่อนข้างสูงมาก) แต่เชื่อว่าราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว การลงทุนจึงเป็นเพียงระยะสั้นๆ เพื่อรอผลประกอบการฟื้นตัว