SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์-ตลาดยังรอดูนโยบาย “ทรัมป์”โบรกฯ ชู 3 หุ้นกลุ่มธนาคาร ประกาศงบ Q4 ดีกว่าคาด

SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์-ตลาดยังรอดูนโยบาย "ทรัมป์" พร้อมให้แนวรับ 1,555 แนวต้าน 1,575 จุด โบรกฯ ชู 3 หุ้นกลุ่มธนาคาร ประกาศงบ Q4 ดีกว่าคาด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (23 ม.ค.) แกว่งในแดนบวก แต่ระหว่างทางก็มีแรง take profit บ้าง ทำให้ตลาดฯยังไม่มีความมั่นคงมาก ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้อิงในแดนบวก รอดูนโยบาย”ทรัมป์”หลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว ระหว่างนี้ยังไม่มีปัจจัยเด่น ดัชนีฯอาจแกว่งออกด้านข้าง และตลาดฯยังมี upside จำกัด อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นเช้านี้ยังช่วยหนุน และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าทำให้มีแรงซื้อกลับบ้าง แต่ Fund Flow ต่างชาติยังไม่แน่นอนจึงต้องระวัง บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,555 แนวต้าน 1,575 จุด

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในแดนบวก แต่ระหว่างทางก็มีแรง take profit เข้ามาบ้างหลังจากที่ได้ขึ้นไปแรง ทำให้ตลาดฯยังไม่ได้มีความมั่นคงมาก

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอิงในแดนบวก โดยยังรอดูนโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว ซึ่งในระหว่างนี้ยังไม่มีปัจจัยอะไรเด่น ดังนั้นดัชนีฯอาจจะแกว่งตัวออกด้านข้าง และตลาดฯยังมี upside ที่จำกัดอยู่

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นเช้านี้ยังช่วยหนุน และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงทำให้มแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง แต่ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังมีความไม่แน่นอนคงจะต้องระมัดระวังด้วย เห็นได้จากแรงซื้อสลับกับแรงขาย 

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯน่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยในทางกลยุทธ์แนะนำถ้าดัชนีฯยืนเหนือ 1,550 ได้ก็ให้เก็งกำไรได้ แต่ถ้าดัชนีฯลงมาต่ำกว่าให้ลดพอร์ตลงทุนบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ม.ค.) SET ฟื้นตัวตั้งแต่เปิดตลาด นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารหลังผลการดำเนินงาน ไตรมาส 4/59 กลุ่มธนาคาร +17% จากปีก่อนสนับสนุนโดยต้นทุนการเงินที่ต่ำ, และต้นทุนการดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ NPL Ratio ผ่านจุดสูงสุดใน ไตรมาส 3/59 ไปแล้ว.แนะนำ “ซื้อ”KTB เป้าหมายพื้นฐาน 21.0 บาท (ต้าน 19.50) มี PE 8x ต่ำที่สุดในกลุ่ม, คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นหลังปรับโครงสร้างหนี้ SSI และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.7% สำหรับงบปี 2599

ขณะที่ KKP เป้าหมายพื้นฐาน 63.0 บาท (ต้าน 60.0) กำไรไตรมาส 4/59 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.4 พันล้านบาท ส่งผลกำไรทั้งปี 2559 เพิ่มขึ้น 67% ที่ 5.5 พันล้านบาท, คาดการณ์การปล่อยสินเชื่อรถยนต์กลับมาขยายตัว เพิ่มขึ้น 5% ปีนี้ ขณะที่ต้นทุนการเงินยังต่ำ หนุนกำไรขยายตัวต่อเนื่อง 8% ในปี 2560 ขณะที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่มที่ 7.7-8.3%

ด้าน TISCO เป้าหมายพื้นฐาน 70 บาท (ต้าน 63.75) แม้กำไรไตรมาส 4/59 ไม่น่าตื่นเต้นที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนแต่การปรับโครงสร้างหนี้ SSI ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นมาก โดย Coverage ratio ปรับสูงขึ้นเป็น 140% และ NPL Ratio ลดลงเหลือ 2.5% ขณะที่คาดการณ์กำไรปี 2560-61 เติบโต 15-16% ต่อปีจากสินเชื่อรถยนต์ที่กลับมาขยายตัว, ภาระการตั้งสำรองที่ลดลง, และการเข้าซื้อธุรกิจ Retail banking จาก Standard Chartered Bank (Thailand) เป็นการต่อยอดกำไรตั้งแต่ ครึ่งปีหลังปีนี้ เป็นต้นไป

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KTB    มูลค่าการซื้อขาย   821.89 ล้านบาท ปิดที่  19.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

DTAC   มูลค่าการซื้อขาย   706.11 ล้านบาท ปิดที่  45.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

JAS    มูลค่าการซื้อขาย   671.34 ล้านบาท ปิดที่   9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

IRPC   มูลค่าการซื้อขาย   588.31 ล้านบาท ปิดที่   5.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

KBANK  มูลค่าการซื้อขาย   536.75 ล้านบาท ปิดที่ 185.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

Back to top button