SIM พุ่งเกือบ 24% แรงในรอบเกือบ 6 เดือน คาดเก็งฯหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน
SIM พุ่งเกือบ 24% แรงในรอบเกือบ 6 เดือน คาดเก็งฯหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)หรือ SIM ณ เวลา อยู่ที่ระดับ 1.20 บาท บวก 0.23 บาท หรือ 23.71% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 111.11 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบเกือบ 6 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นปรับตัวที่ระดับ 1.19 บาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 59
ก่อนหน้านี้ นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า บริษัทกำหนด Year Theme หรือจุดมุ่งเน้นในปีนี้ คือ “SAMART 4.0 Transformation to success and Beyond”
โดยตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโตจากปีก่อนมาที่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากบมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) จำนวน 9,000 ล้านบาท ,บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) จำนวน 4,500 ล้านบาท ,สายธุรกิจ Related Business จำนวน 2,300 ล้านบาท และสายธุรกิจ U-trans จำนวน 4,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินงานของ SAMTEL ซึ่งเป็นผู้นำสาย ICT Solutions ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) แล้วมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ประจำ 87% และงานเทิร์นคีย์ 13% โดยล่าสุดได้งานโครงการสัญญาเช่าระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลัก กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 2,639 ล้านบาท และจากนโยบายส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจดิจิตอลของภาครัฐ ประกอบกับโครงการขนาดใหญ่ที่มีการเลื่อนประมูลมาในปีนี้ ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจไอซีทีอย่างชัดเจน
ขณะที่ยังมองโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการมูลค่ารวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่างานในมือ ได้มากถึง 10,000 ล้านบาท ในปี 60 อีกทั้งยังตั้งเป้าในการขยายฐานรายได้ประจำจากงานบริการในรูปแบบ Outsource Services มากขึ้น
สำหรับการดำเนินงานของ SIM ผู้นำสายธุรกิจ Mobile-Multimedia จะเป็นสายธุรกิจที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านทิศทางและโครงสร้างธุรกิจมากที่สุด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการก้าวสู่ยุคดิจิตอลภายในคอนเซป “SIM Digital Life” ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
1. กลุ่ม Mobile & Security ดำเนินธุรกิจจำหน่ายมือถือ และ gadget ที่ตอบโจทย์ดิจิตอลไลฟสไตล์ ด้วยคุณสมบัติเด่นทางด้านความปลอดภัย, การดูแลสุขภาพและอื่น ๆ ขณะที่หลังจากเกิดกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากการเปิดตัว blackphone2 ในประเทศไทย บริษัทก็ยิ่งมั่นใจในการขยายธุรกิจ Mobile Security Applications & Solutions โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการพัฒนาและนำเสนอสินค้าบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศลาว เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา
ส่วนการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1 ล้านเครื่อง และนอกเหนือจากแบรนด์ไอ-โมบายแล้ว ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักให้แก่มือถือแบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์ โดยอาศัยศักยภาพช่องทางการขายและการให้บริการซึ่งครอลคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งจะพัฒนาช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างคล่องตัวผ่านสื่อดิจิตอลมากขึ้น
2. Operator & Infrastructure ประกอบด้วยธุรกิจ MVNO บนเครือข่าย CAT ในชื่อ Open MVNO ซึ่งเร็ว ๆ นี้ จะมีการนำเสนอบริการเสริมที่เชื่อมโยงกับการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง และภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และยังเตรียมที่จะเปิดตัวธุรกิจใหม่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครื่องมือสื่อสาร (Trunked Mobile)
3. Digital Commerce ครอบคลุมธุรกรรมออนไลน์ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง โดยได้รุกธุรกิฟินเทค เตรียมเปิดตัวบริการขายฝากสินทรัพย์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Zazzet อย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งมองว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับความน่าสนใจ และตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างมาก
4. I-sport อีกหนึ่งบริษัทลูกที่โดดเด่นของกลุ่มสามารถไอ-โมบาย โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ 690 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะมีรายได้ประจำที่สม่ำเสมอจากสัญญาการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก มูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อปีแล้ว ยังเตรียมการขยายธุรกิจด้าน Sport Commercial อย่างจริงจัง ครอบคลุม Sports Digital Content, Sports Event , Sports Tour , Sports Commerce , Sports Agent และ เกมส์ โดยจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในไตรมาส 1/60 และวางแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาส 3/60 และคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงไตรมาส 1-2/60
ด้านสายธุรกิจ U-trans ซึ่งประกอบด้วย CATS, Kampot Power Plant และ Teda นอกจากรายได้ประจำจาก CATS ประมาณ 1,800 ล้านต่อปีแล้ว ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจสายส่งไฟฟ้า โดยล่าสุด Teda ได้เซ็นสัญญาจัดหาและก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ 2,000 ล้านบาท และในส่วนของธุรกิจด้านพลังงาน ก็ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อลงทุนอีกหลายโครงการ เช่น ระบบควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศลาว , โครงการสายส่งไฟฟ้าที่เมียนมา , โรงไฟฟ้าขยะ , โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,000 เมกะวัตต์ ที่ประเทศกัมพูชา และยังมีแผนเข้าประมูลในโครงการอื่น ๆ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะนำธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย ในปี 61
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับสายธุรกิจ Related Business โดยบมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) บริษัทในเครือ เป็นแกนนำ ตั้งเป้ารายได้ในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเติบโตแตะ 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1,300 ล้านบาท จากปัจจุบัน มีงานในมือแล้วกว่า 900 ล้านบาท และคาดจะได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 400 ล้านบาท จากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กลุ่มสายการบิน ธนาคาร โรงพยาบาล ธุรกิจประกัน เป็นต้น
ส่วนเป้ารายได้อีก 1,000 ล้านบาท ของสายธุรกิจนี้ จะมาจาก วิชั่นแอนด์ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็ม ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจกล้องวงจรปิด จำนวน 500 ล้านบาท และสามารถวิศวกรรม จำนวน 500 ล้านบาท จากได้รับอานิสงส์จากการที่สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะมีการแจกคูปองทีวีดิจิตอล รอบใหม่จำนวน 5 ล้านใบ และสามารถวิศวกรรม ยังมีบทบาท จากการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการขยายโครงข่ายของค่ายมือถือ