เสี่ยทวิชกับ IFECลูบคมตลาดทุน

ต้องจับตากันล่ะ สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ IFEC วันที่ 25 ม.ค.นี้


ธนะชัย ณ นคร

 

ต้องจับตากันล่ะ สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ IFEC วันที่ 25 ม.ค.นี้

ไม่แคล้วว่าคงฝุ่นตลบ

ล่าสุด เย็นวานนี้มีข่าวการปลอมแปลงใบรับมอบอำนาจจากนักลงทุนรายย่อย

ก็ไม่แน่ใจว่าข่าวนี้จริงหรือใครปล่อยออกมา

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็แสดงให้เห็นว่า การต่อสู้ครั้งนี้มีทั้งเกม “ใต้ดิน” และ “บนดิน”

ปกติการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้น หากไม่ใช้ห้องประชุมของบริษัท ก็จะไปเช่าห้องของโรงแรมต่างๆ

ส่วนครั้งนี้ไปใช้สถานที่ของสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ

ถือว่ามีนัยสำคัญ

ก่อนหน้านี้ เคยเขียนบอกแล้วว่า ทั้งฝั่ง “หมอวิชัย” หรือ นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์

และ “เสี่ยอ๋า” สิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ต่างมีการ์ด 2-3 คน คอยคุ้มกัน

ก็ไม่รู้ว่าบรรดาการ์ด จะเข้าไปได้หรือไม่

หรือหากเข้าไป ก็คงต้องมีการตรวจร่างกายของการ์ดทั้ง 2 ฝ่ายก่อนแน่ๆ

ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหม่คือเสี่ย “ทวิช เตชะนาวากุล” ก็เปิดตัว (ว่าที่) กรรมการไปแล้ว

พร้อมกับเปิดแผนงานคร่าวๆ ว่า หากกรรมการชุดของเขาได้รับคัดเลือกแล้ว จะบริหาร IFEC ต่อไปอย่างไร

ขณะที่มีข่าวว่า ฝั่งของ หมอวิชัย เองนั้น ก็เตรียมเสนอกรรมการในชุดของตัวเองไว้เช่นเดียวกัน

หมอวิชัยนั้น น่าจะถือหุ้น IFEC ในขณะนี้ ไม่เกิน 3%

ส่วนของเสี่ยทวิช บวกกับบุคคลใกล้ชิด น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15%

หรืออาจจะถึง 20%

สัดส่วนที่เหลือก็ต้องไปแย่งชิงจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ และที่สำคัญคือกลุ่มรายย่อย

และหากเข้าไปดูกระทู้ตามโซเชียลต่างๆ  ก็พอจะรับรู้ได้ว่า กระแสของรายย่อยนั้น จะเทไปฝั่งไหน

ส่วนตัวผมนั้นไม่อยากจะเอามาเขียน

เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ส่วนเมื่อวานนี้เองทางสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก็มีหนังสือออกมาให้ผู้ถือหุ้นของ IFEC ไปประชุมกันเยอะๆ และศึกษาข้อมูลกันให้ดี

สรุปคร่าวๆ ก็ดูเหมือนว่า เป็นการต่อสู้ระหว่าง “เสี่ยทวิช” กับ “หมอวิชัย”

แต่ที่น่าสนใจคือ เสี่ยทวิช เองได้เอ่ยปากล่วงหน้าแล้วว่า พร้อมที่จะรับตัวแทนของทั้งฝั่งหมอวิชัย และเสี่ยอ๋า เข้ามาร่วมเป็นกรรมการ

แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทั้ง 2 ฝ่ายว่ายังไง

ตอบรับคำเชิญหรือไม่

แต่หากดูจากฝั่งหมอวิชัย ก็น่าจะปักหลักสู้อยู่นะ

เพราะเจ้าตัวนั้น เดินสายให้สัมภาษณ์สื่ออย่างต่อเนื่อง

IFEC นั้น มีทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาที่ต้องแก้ไขในระยะยาว

ปัญหาเฉพาะหน้า และเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็คือเรื่องตั๋วบี/อี

เพราะตอนนี้ยอดผิดนัดกับ บลจ.โซลาริส รวมจำนวน 300 ล้านบาท แล้ว

หากในงวดถัดไป(25 ม.ค.) ที่มียอดครบกำหนดอีกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ผิดนัดอีก ก็จะทำให้ภาระหนี้อื่นๆ เช่น หุ้นกู้มูลค่า 3 พันล้านบาท และจะถึงกำหนดชำระในเดือนพ.ย.60

จะร่นเวลามาครบกำหนดทันที

หุ้นกู้ 3 พันล้านบาทนี้มี แบงก์กรุงไทยเป็นอันเดอร์ไรเตอร์ นำไปขายให้กับลูกค้าตัวเอง 1 พันล้านบาท

ส่วนอีก 2 พันล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง แบ่งกันไปแห่งละ 1 พันล้านบาท

นั่นคือ บลจ.แอสเซทพลัส และ บลจ.เคที ซีมิโก้

ส่วนกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อหุ้นกู้นั้น ไม่มีใครทราบว่าเป็นใครบ้าง เพราะเป็นความลับของแต่ละอันเดอร์ไรเตอร์

มีคำถามว่า หาก IFEC ผิดนัดอีกครั้งหนึ่ง และทำให้ยอดรวมเกิน 300 ล้านบาท จะส่งผลกระทบกับอันเดอร์ไรเตอร์ทั้ง 3 แห่งหรือไม่

คำตอบก็คือ ก็คงจะกระทบในด้านของความน่าเชื่อถือ อะไรต่างๆ นั่นแหละ

ส่วนเงินที่มาซื้อหุ้นกู้นั้นเป็นของลูกค้า ซึ่งตัวของอันเดอร์ไรเตอร์ ก็คงมีหน้าที่ในการเข้ามาช่วยลูกค้าคอยติดตามหนี้ให้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นมาจริงๆ

การประชุมในวันที่ 25 ม.ค.นี้

หากทุกคนยอมรับในผลการเลือกตั้ง และไม่ประท้วง หรือคัดค้านอะไรกับฝ่ายที่ได้รับเลือกตั้ง

IFEC ก็น่าจะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปได้

Back to top button