3 หุ้นการบินพุ่งแรง! เทรดคึกคักรับอานิสงส์ 2 เด้ง

3 หุ้นสายการบิน THAI-BA-AAV พุ่งแรง เทรดคึกคักวอลุ่มทะลัก รับอานิสงส์ 2 เด้ง กพท.ออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ-เข้าเทศกาลตรุษจีน


3 หุ้นสายการบิน THAI-BA-AAV พุ่งแรง เทรดคึกคักวอลุ่มทะลัก รับอานิสงส์ 2 เด้ง กพท.ออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ-เข้าเทศกาลตรุษจีน

เป็นที่น่าสนใจว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มสายการบิน เริ่มมีมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นเข้ามาเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ด้านราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทั้งกลุ่ม โดยคาดว่านักลงทุนเข้าเล่นหลัง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Re-certification) โดยขณะนี้มีสายการบินกลุ่ม 1, 2, 3 ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารแล้ว ได้แก่ THAI,BA และ AAV

นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มสายการบินยังเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เทศกาลตรุษจีน ช่วงวันที่ 25-28 ม.ค.นี้ ซึ่งในเทศกาลตรุษจีนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ทางสายการบินต่างๆ จึงได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นด้วย

โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้รายงานถึงกระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Re-certification) ขณะนี้มีสายการบินกลุ่ม 1, 2, 3 ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารแล้ว และมีสายการบินที่ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบการปฏิบัติการบินหรือขั้นตอนที่ 4 แล้ว 3 สาย ได้แก่ บมจ.การบินไทย (THAI), บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ของบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) คาดว่าจะออกใบรับรอง AOC ใหม่ได้ในเดือน ก.พ.-มี.ค.60

ส่วนกำหนดการปลดธงแดง ICAO นั้นจะยื่นให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มาตรวจซ้ำในช่วงเดือน มิ.ย.60 ซึ่งตามแผนจะเป็นช่วงที่มีสายการบิน 9 สายได้รับ AOC ใหม่แล้ว ซึ่งหลังจากยื่นหนังสือไป ICAO แล้วจะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 90 วัน

 

สำหรับหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นแรง และมีมูลค่าซื้อขายหนาแน่นมีดังนี้

อันดับที่ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI โดยราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ 23.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.40 บาท หรือคิดเป็น 1.73% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท/หุ้น ผลกระทบและคำแนะนำคาดว่าเรื่องสินบนโรลส์-รอยซ์ จะเป็นผลกระทบทางลบกับภาพพจน์ของบริษัท และอาจส่งลบกับราคาหุ้นได้บ้าง คำแนะนำ ถือ ราคาพื้นฐานใหม่เป็น 23.50 บาท ประเมินด้วย P/BV ปี 60 ที่ 1.2 เท่า (+2 SD จากค่าเฉลี่ย Mean) ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 4% เทียบกับราคาพื้นฐาน คาดว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนผลดีเรื่องความคืบหน้าจากแผนปรับโครงสร้างในระยะสั้นไประดับหนึ่งแล้ว แต่สำหรับสิ่งที่ยังเป็น overhang คือ แผนการขายสำหรับสายการบินที่มีอยู่จากจำนวนเครื่องบิน 26 ลำ ที่ยังไม่เปิดเผย และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Gearing Ratio) ที่สูงเป็น 4.7 เท่า ซึ่งสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องการด้อยค่า (impairment losses) ตามอายุเครื่องบิน

 

อันดับที่ 2 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV โดยราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ 6.70 บาท ปรับตัวขึ้น 0.20 บาท หรือคิดเป็น 3.08% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 781 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์แนะ “ซื้อ”AAV กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 8.20 บาท โดยประมาณการว่ากำไรหลักปี 59-60 ของ AAV จะเติบโต 82% และ 11% ตามลำดับถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี

ขณะที่ AAV ยังมีส่วนครองตลาดสูงสุดที่ 29% จากการเป็นผู้นำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ เพราะมีความได้เปรียบเรื่องต้นทุนดำเนินงานที่ต่ำสุดเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมซึ่งบริษัทได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Air Asia ที่มาเลเซีย ขณะที่คู่แข่งต่างเผชิญกับแรงกดดันในเรื่องความสามารถการทำกำไรที่ยากมากขึ้น

สำหรับตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตดีและบริษัทให้ความสนใจคือ อินเดียและกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนเป็นเพียง 2% และ 10% เทียบกับรายได้จึงมีช่องว่างการเติบโตได้อีกมาก ขณะที่จีนซึ่งมีสัดส่วนรายได้ที่มากสุดก็จะ Focus น้อยลงไปบ้าง

ด้านการเพิ่มปริมาณใช้บริการปีหน้า AAV ตั้งเป้าหมายว่าจะมีการเติบโต 15% แรงผลักดันมาจากการให้บริการไปยังต่างประเทศ ขณะที่ตลาดในประเทศเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวมากขึ้น บริษัทคาดว่าจะยังสามารถเพิ่มส่วนครองตลาดได้มากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามปัจจัยเรื่องการไว้อาลัยและปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญที่ส่งผลกระทบ ก็คาดว่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้นมากกว่า

สำหรับแผนการขยายฝูงบินตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มอีก 6 ลำ ในปี 60 นื้ จากสิ้นปี 59 มียอดสะสมอยู่ที่ 51 ลำ ขณะที่การใช้การเช่าแบบ Financial Lease จะประมาณอยู่ที่ 5 ลำ จากทั้งหมด 6 ลำ

 

อันดับที่ 3 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA โดยราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ 22.70 บาท ปรับตัวขึ้น 0.40 บาท หรือคิดเป็น 1.79% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 124.68 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ  “ซื้อ” BA ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท/หุ้นปกติไตรมาส 4/59จะอ่อนกว่าไตรมาส 3/59เนื่องจากไตรมาส 3จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะสมุยที่มีรายได้จากการบิน ในสัดส่วนที่ 48% ใน 9 เดือนแรกของปี 59 โดยตัวเลขผู้โดยสารเบื้องต้นเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 16% และ พ.ย. ปรับตัวขึ้น 5% จากปีก่อนแนวโน้ม ผู้โดยสารยังโตได้ดีจากการเปิดเส้นทางบินใหม่ 3 เส้นทาง การเพิ่มความถี่ในบางเส้นทาง การเพิ่มเที่ยวบินไปเกาะสมุยทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่ไปจีน ทำให้เที่ยวป็นเพิ่มเป็น 38 เที่ยว การส่งต่อลูกค้าจาก Codeshare Partner 21 สายการบิน และ lnterline กว่า 70 สายการบิน

โดยสัดส่วนในรายได้จาก Codeshare และ lnterline อยู่ที่ราว 23% ซึ่งใน 9 เดือนแรกของปี 59 รายได้โต 20% จากปีก่อนรายได้/ตั๋วเฉลี่ยคาดยังมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน จากการแข่งขันที่สูง จะรับเครื่องบินอีก 2 ลำ แต่จะมีการคืน 1 ลำ สิ้นปีจะมีเครื่องบิน 35 ลำ ส่วนการทำ hedging น้ำมันก็ทำไว้แล้วที่ 54% คาดต้นทุนน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ประกอบกับในไตรมาส 4/58 กำไรมีฐานที่ต่ำเพียง 57 ล้านบาท จึงคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/59 เทียบกับปีก่อนจะเติบโตอย่างมาก โดยยังคาดการณ์กำไรในปี 2559 ไว้ที่ 2,612 ล้านบาท โต 45.4% จากปีก่อน  

ด้านแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 ทาง BA จะมีการรับเครื่องบินใหม่อีก 4 ลำ เป็น 39 ลำ Codeshare Partner คาดจะได้เพิ่มอีก 8 สายการบิน เป็น 29 สายการบิน ที่จะช่วยส่งต่อผู้โดยสาร จะเปิดเส้นทางบินใหม่ในอินโดจีน 2-3 เส้นทางและเกาะสมุยไปจีนอีก 2 เส้นทาง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากจีนเพิ่มขึ้น เพิ่มความถี่การบินในอีกหลายเส้นทาง และไม่มีผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้มาเป็นกลุ่มทัวร์ ผู้โดยสารคาดจะโตที่ 12-13% และ Load Factor เกิน 70% อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่สูงคาดจะยังมีผลต่อราคาตั๋ว ต้นทุนน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น แม้ทำ hedging ไว้แล้วราว 38% แต่ด้วยทิศทางราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ต้นทุนน้ำมันเฉลี่ยจะเพิ่มเป็น 59 ดอลลาร์ ค่าซ่อมบำรุงจะยังสูงต่อเนื่องจากการตรวจซ่อมใหญ่ เงินปันผลจาก BDMS จะลดลง เพราะมีจ่ายระหว่างกาล ทางฝ่ายยังคงคาดการณ์รายได้ในปี 2560 ที่ 26,856 ล้านบาท โต 7.4% จากปีก่อนและกำไรที่ 2,923 ล้านบาท โต 11.9% จากปีก่อน  

 

 

นอกจากนี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT หรือ ทอท.กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปีจะมีผู้โดยสารเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก  ทอท.เตรียมรองรับปริมาณผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2560 คือ ระหว่างวันที่ 27 มกราคม – 5 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งมีสายการบินแจ้งขอทำการบินรวมทั้งสิ้น 23,869 เที่ยวบิน คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการจำนวน 3.87 ล้านคน

โดยในปีนี้ คือ ระหว่างวันที่ 27 มกราคม – 5 กุมภาพันธ์ 2560 มีสายการบินแจ้งขอทำการบินมายังท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) จำนวน 23,869 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยประมาณ 2,386 เที่ยวบินต่อวัน และคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการจำนวน 3.87 ล้านคน หรือเฉลี่ยประมาณ 387,000 คนต่อวัน

ทั้งนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีสายการบินแจ้งขอทำการบิน ประมาณ 1,000 เที่ยวบินต่อวัน และคาดว่าจะมีผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 183,000 คนต่อวัน และที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีสายการบินแจ้งขอทำการบินประมาณ 696 เที่ยวบินต่อวัน และคาดว่าจะมีผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 104,000 คนต่อวัน (ทั้งนี้ ยังไม่รวมอัตราการยกเลิกปกติประมาณร้อยละ 2 – 5)

Back to top button