1,600 จุด..แล้วสดชื่น!โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนผู้คนมากมายจะแฮปปี้กับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนี เพราะมันหมายความว่า ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีกต่อไป จึงกระโจนเข้ามาไล่หุ้นกันอย่างเมามัน จนดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง 1,600.79 จุด แต่หลังจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายลงมายืนตรงบริเวณ 1,591 จุด บวกไป 6.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.15 หมื่นล้านบาท น้องโมคงพูดได้แค่ว่า ได้หมด..ถ้าสดชื่น...อิอิอิ
*ดูเหมือนผู้คนมากมายจะแฮปปี้กับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนี เพราะมันหมายความว่า ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีกต่อไป จึงกระโจนเข้ามาไล่หุ้นกันอย่างเมามัน จนดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง 1,600.79 จุด แต่หลังจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายลงมายืนตรงบริเวณ 1,591 จุด บวกไป 6.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.15 หมื่นล้านบาท น้องโมคงพูดได้แค่ว่า ได้หมด..ถ้าสดชื่น…อิอิอิ
*หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมน้องโมถึงมีอาการกระดี๊กระด๊าเสียเหลือเกิน ทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรผิดแผกไปจากที่เป็นอยู่ รวมทั้งบรรยากาศที่เห็นก็เป็นแบบเดิมๆ จึงขอนุญาตเรียนให้ทราบว่า มันเป็นเรื่องสถิติที่สำคัญของตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นตัวชี้นำดัชนีจะเป็นไปในทิศทางไหน พร้อมกับเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้คนทั่วไปได้รู้ว่า นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นแล้วนะคะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นเดี๊ยนออกมาลิงโลดผิดปกติ เพราะยังมีความเชื่อเกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่า ตลาดหุ้นจะวิ่งก่อนข่าวจริงออกประมาณ 3-6 เดือน และถ้าเป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา การลงทุนเที่ยวนี้น่าจะมีอะไรพิเศษกว่ารอบก่อนๆ “โมนิก้า” ถึงชอบให้แฟนคลับเฝ้าติดตามการเคลื่อนตัวของดัชนีอย่างใกล้ชิด หลังหุ้นบลูชิพยังทำหน้าที่ประคองตลาดได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองนะซี
*วานนี้ถึงเห็นลูกอ๊อด AOT กระชากขึ้นมาปิดที่ 408 บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 250% ด้วยมูลค่า 4.75 พันล้านบาท “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า ไม่มีเหตุผลใช้อธิบายการวิ่งขึ้นเที่ยวนี้อีกแล้ว เพราะทุกคนต่างรู้หมดไส้หมดพุงว่า หล่อขั้นเทพ! ยกเว้นประเด็นการขึ้นเที่ยวนี้มีเรื่องของกรอบด้านบน 420 บาทเป็นตัวแปรสำคัญ หากผ่านไปได้จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ หากผ่านไปไม่ได้อาจลงมาตั้งหลัก 390 บาทอีกครั้งนะคะ
*เหมือนกับในรายของ PTTEP ก็เป็นอีกหนึ่งช็อตที่เห็นกันทนโท่ว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ในการวิ่งขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 100 บาท หากผ่านไปไม่ได้ ก็ต้องลงมาตั้งหลักแถว 95 บาท หากผ่านไปได้ “โมนิก้า” ขอมองเป้าหมายที่บริเวณ 120 บาท ซึ่งเป็นการคิดบนพื้นฐาน P/BV 1.20 เท่า ซึ่งเป็นการประเมินราคาแบบอนุรักษนิยม จึงต้องถามผู้เล่นว่า หุ้นขึ้นมาปิด 98.50 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่า 3.43 พันล้านบาท กล้าตามไหม?
*ส่วนในรายของ PTT ทะยานขึ้นมาปิดที่ 420 บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 2.45% ด้วยมูลค่า 5 พันล้านบาท อาจเป็นการเปิดเกมที่สวยหรูก็จริง แต่ถ้าดูในรูปแบบของสัญญาณเทคนิคที่ปรากฏdoji evening star บวกกับมีการเปิดแก๊ปในช่วงถีบตัวขึ้นแรงทิ้งไว้ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่เสี่ยงมากพอสมควร เพราะมันเป็นไฟต์บังคับให้หุ้นทะยานขึ้นไปอีก หากไปไม่ไหวต้องลงมาพักเอาแรงนะจะบอกให้
*หากต่อจิ๊กซอว์การเคลื่อนตัวดังกล่าวไม่ถูก “โมนิก้า” ขอให้ดูแบบอย่างเอาจาก STA เพราะเป็นหุ้นที่ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมในระหว่างทางก็มีการพักตัวให้เห็นเป็นระยะ จนล่าสุดพุ่งขึ้นมาปิดที่ 26.75 บาท บวกไป 1.95 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่า 1.13 พันล้านบาท มันเป็นการไล่ราคารอบใหม่ธรรมดาๆ หุ้นถึงมีโอกาสขยับขึ้นไปอีก แต่อย่าลืม หุ้นมีแพทเทิร์น ขึ้นแล้วพัก..พักแล้วไป จึงต้องดูให้ดีก่อนเคาะขวานะคะ
*คล้ายกับสถานการณ์ของ GENCO กระชากขึ้นเป็นวันที่ 2 ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1.60 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ประเมินได้ถึง 1.80 บาทก็จริง แต่อย่าลืมว่า พวกนี้เป็นประเภทที่ “มาเร็ว เคลมเร็ว” คนที่เข้าเล่นต้องกล้าบ้าบิ่นพอสมควร เพราะหุ้นเทรดบนค่า P/E 100 เท่าเป็นเวลานานถึง 2 ปีแบบนี้..คุ้มกับที่ได้จริงเหรอ?
*ผิดกับในรายของน้องกิ๊ฟ GIFT หากดูตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น “โมนิก้า” มองเป็น “หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคาไม่ได้เรื่อง” ถึงรู้สึกผิดหวังเป็นประจำเมื่อหุ้นชอบมีอาการล่มปากอ่าว ซึ่งเป็นเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งด้วยกัน ขณะที่ปีนี้หุ้นดูฟิตปึ๋งปั๋งกว่าปกติ วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.30 บาท บวกไป 0.48 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 90 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบน P/E 14 เท่าแบบนี้ น่าตามไปดูอีกช็อตสองช็อต ไม่เชื่อลองถาม เฮียเจตดูก็ได้เจ้าค่ะ
*ส่วนม้ามืดอย่าง ASIAN ไม่ทราบว่า ไปกินดีหมี หัวใจเสือ ที่ไหนมา ราคาหุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 5.90 บาท บวกไป 1.34 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องคาบลูกคาบดอกพอสมควร เพราะเมื่อดูตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น หุ้นตัวนี้มาแค่ระยะสั้นๆ ไม่เคยเห็นยืนระยะได้นานสักที งานนี้เดี๊ยนไม่เคยมีความคิดจะห้าม แค่อยากให้ระวังตัวไว้หน่อยก็เท่านั้นเองจ้า
*เนื่องจากโลกของการลงทุนไม่มีอะไรแน่นอน ขนาดหุ้นที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอย่าง FSMART ยังถูกเทขาย 5 วันรวด “โมนิก้า” ยิ่งเกิดอาการหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก หลังคู่แข่งรายใหม่ที่กระโดดเข้ามาเล่นตู้เติมเงิน มีความได้เปรียบในการทำธุรกิจหลายช่วงตัว วานนี้ถึงเห็นหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 18.60 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่า 364 ล้านบาท ชักไม่สวยแล้วนะเนี่ย!
*ตบท้ายกันที่ หุ้นน้องใหม่ แต่หน้าเก่า ที่กำลังจะเข้าเทรดอย่าง SGF “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะโพสิชั่นของการรีเทิร์นอย่างเต็มตัวในเที่ยวนี้ พรายกระซิบเม้าท์ให้ฟังว่า เขามาด้วยสตอรี่ซูเปอร์โกรท จึงเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ ส่วนจะทำได้เหมือนกับที่โม้ไว้เยอะหรือเปล่า? อันนี้ต้องติดตามดูตอนต่อไป แต่ที่แน่ๆ ตลาดฯ อนุมัติให้กลับเข้ามาเทรดในวันที่ 1 ก.พ. แล้วนะคะ