แกว่งตัวรอเด้งโมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนเรื่องตลาดหุ้น เรื่องของดารา และเรื่องของการเมือง (ต่างประเทศ) กำลังมีประเด็นร้อนๆ ที่ทำให้ผู้คนมากมายหันมาทำตัวเผือกวันละนิดจิตแจ่มใสกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริมให้ทุกคนทำตัวเป็นแบบนั้น เพราะเป็นการฝึกสมองให้รู้จักแยกแยะประเด็นต่างๆ ที่มีผลกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่วนจะคาดการณ์ผิดไปจากความจริงมากน้อยแค่ไหน..มันไม่ใช่ประเด็นหรอกนะคะ


*ดูเหมือนเรื่องตลาดหุ้น เรื่องของดารา และเรื่องของการเมือง (ต่างประเทศ) กำลังมีประเด็นร้อนๆ ที่ทำให้ผู้คนมากมายหันมาทำตัวเผือกวันละนิดจิตแจ่มใสกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริมให้ทุกคนทำตัวเป็นแบบนั้น เพราะเป็นการฝึกสมองให้รู้จักแยกแยะประเด็นต่างๆ ที่มีผลกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่วนจะคาดการณ์ผิดไปจากความจริงมากน้อยแค่ไหน..มันไม่ใช่ประเด็นหรอกนะคะ

*เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวจะสอนให้ทุกคนเข้าใจอะไรมากขึ้น และยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคนที่พร้อมจะเรียนรู้ในสิ่งที่ผิดไปแล้ว “โมนิก้า” ถึงชอบออกตัวแรงแซงทางโค้งเป็นประจำว่า บางเรื่องไม่ต้องไปเร่งมันมาก เดี๋ยวความจริงมันก็ปรากฏให้เห็นเอง แต่บางเรื่องก็ต้องทำตัวนิ่งๆ เพื่อรอโอกาสทองในการลงทุน นักเล่นถึงต้องรู้จักพลิกแพลงกระบวนยุทธ์ด้วยตัวเองเจ้าค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาตอลดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,574.67 จุด ลบไป 3.65 จุด ด้วยมูลค่า 5.11 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อ แต่ยังมีหุ้นหลายตัวที่เป็นทีเด็ดสำหรับการลงทุนเที่ยวนี้ จึงต้องถามตัวผู้เล่นกล้าลุยในช่วงรอเด้งไหม? เพราะก่อนที่หุ้นจะเด้งขึ้นอย่างร้อนแรง คงต้องโดนรับน้องแบบจัดหนักอีกสักรอบนะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวดูได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น EA มันเป็นอะไรที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นหุ้นที่โดนมรสุมรุมกระหน่ำตั้งแต่ปลายปียันต้นปี ไล่เรียงตั้งแต่น้ำท่วมภาคใต้ ถัดมาเป็นเรื่องของ ส.ป.ก. มันเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจดีเหลือเกิน แต่ถ้ามองจากข้อมูลที่ “โมนิก้า” มีอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ทุกอย่างมีทางออกเสมอนะจ๊ะ

*ที่สำคัญหากดูจากคำให้สัมภาษณ์ของ ส.ป.ก. ที่พร้อมจะแก้สัญญาเพื่อให้โรงไฟฟ้าเดินหน้าต่อไปได้ “โมนิก้า” ถือเป็นมุมมองที่หลักแหลมเป็นอย่างยิ่ง เพราะโครงการอื่นไม่ได้มีปัญหาเหมือนกับที่ “เทพสถิตฯ” และถ้าย้อนกลับไปดูในรายละเอียดที่พลิกผันก็เกิดจากบริเวณตรงนั้นเป็นที่ลุ่มน้ำ B1 ขณะที่บริเวณอื่นไม่เกี่ยวกับพื้นที่ลุ่มน้ำเพื่อทำการเกษตร หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 26.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่า 1.50 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ส่วนในรายของ THCOM กลายเป็นหุ้นที่น่าผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออกข่าวกันโครมๆ กำไรจะดีขึ้น! พอประกาศงบออกมาจริงๆ กลับหน้าหงายกันเป็นแถบ เนื่องจากกำไรลด 24%  แถมคำอธิบายพูดถึงจำนวนลูกค้าที่ลดลงอีกต่างหากแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวมากกว่าน่าเสียว หุ้นถึงถูกกล่มลงมากองอยู่ที่ 20.70 บาท ลบไป 2.10 บาท หรือลงไป 9.20% ด้วยมูลค่า 924 ล้านบาทไงล่ะ

*อีกรายที่น่าเป็นห่วงเช่นกันก็คือ BCH โดนเทขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะมาปิดที่ 13.50 บาท  ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า แรงเทขายยังคงหนาแน่น การเข้าไปเกาะในช่วงนี้อาจผิดจังหวะไปสักหน่อย “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า น่าจะมีแท่งเทียนสีแดงเกิดขึ้นอีก จึงน่าจะรอดูสถานการณ์ให้นิ่งกว่านี้อีกนิดหนึ่งนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ VGI อาการก็ไม่ค่อยดีเหมือนกับรายข้างต้น แถมตัวเลขกำไรลดลงค่อนข้างเยอะ แรงซื้อถึงแปรเปลี่ยนเป็นแรงเทขายอย่างรวดเร็ว หุ้นถึงไหลลงมากองอยู่ที่ 5.20 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.70% “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของแวลูที่ตลาดจะให้อยู่ในระดับไหน? หลังหุ้นยังเทรดอยู่บนค่า P/E 38 เท่าอยู่เลย งานนี้ถึงต้องถามใจผู้เล่นคิดอย่างไรกับเรื่องนี้..อิอิอิ

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ESSO หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 12.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.10% ด้วยมูลค่า 222 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติอย่างแน่นอน แถมเป็นความเสี่ยงที่ผู้เล่นต้องบริหารจัดการให้ดี หลังผลงานที่สุดบรรเจิดในช่วง 9 เดือน น่าจะเป็นแค่ข่าวดีระยะสั้นๆ การเข้าเล่นถึงต้อง “เข้าเร็ว ออกเร็ว” ยอดเดิมครั้งก่อนอยู่ที่ 14 บาท เที่ยวนี้จะไปถึงหรือเปล่า..ต้องตามไปดูนะจ๊ะ

*ส่วนในรายของ KSL เป็นจังหวะที่ผู้เล่นต้องทำการบ้านหนักพอสมควร หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.95 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 193 ล้านบาท ซึ่งเป็นการวิ่งขึ้นมาปิดตรงบริเวณแนวต้าน 7 บาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ท้าทายผู้เล่นมากพอสมควรเพราะในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้นยังไม่สามารถฝ่าด่านหินตรงนี้ขึ้นไปได้สักทีไงล่ะค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่วิ่งขึ้นมาชนแนวต้านจังเบ่อเร้อ “โมนิก้า” ต้องถอยหลังกลับไปดู TISCO ซึ่งกระชากขึ้นมาปิดที่ 65 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 700 ล้านบาท มันเป็นอีกหนึ่งเกมที่ใช้พิสูจน์แรงซื้อในเที่ยวนี้มีเยอะจริงไหม? แถมกระบวนการที่ใช้พิจารณาในเที่ยวนี้ก็ง่ายมากๆ หากผ่านไปไม่ได้ ก็ลงมาตั้งหลักที่บริเวณ 60 บาท หากทะลุขึ้นไปได้ ก็ยกฐานใหม่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้นเอง..ง่ายมั้ยตัวเอง!

*สำหรับหุ้นใหญ่ใจปลาซิวอย่าง SGF กลายเป็นของร้อนที่ไม่มีใครอยากเข้าไปรับหลังโดนสาดหุ้นลงมาตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายลงมาปิดฟลอร์ที่ระดับ 0.43 บาท ลบไป 0.18 บาท  ด้วยมูลค่า 1.48 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องการออกของมากกว่าประเด็นอื่น  และถ้าดูตามสิ่งที่เกิด ณ เวลานี้ วันนี้น่าจะมีแท่งแดงโผล่ขึ้นมาอีกแท่ง ซึ่งจะทำให้หุ้นอยู่ในรูปแบบของอีกา 3 ตัว ต่อจากนั้นจะเป็นคิวของการเด้งกลับ..ตามตำราเขาเขียนไว้แบบนี้ เชื่อหรือไม่..คิดกันเป็นนะคะ

Back to top button