SET สิ้นสุดการพักฐาน เก็บ 11 หุ้นเด็ดกำไรดี-ปันผลเด่น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้สุดสุดการพักฐานและมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาเพิ่มขึ้นและแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/16 เติบโตโดดเด่น ขณะที่แนะนำให้ติดตาม MSCI รีวิวดัชนีงวดไตรมาส และการหารือระหว่างทรัมป์และอาเบะในประเด็นการค้าการลงทุน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.99 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น หลังดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 100 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ก.พ.) และทำสถิติปิดเหนือ 20,000 จุดอีกครั้ง ขณะที่ NASDAQ ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐเดือน ม.ค. ที่แกร่งเกินคาด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้สุดสุดการพักฐานและมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาเพิ่มขึ้นและแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/16 เติบโตโดดเด่น ขณะที่แนะนำให้ติดตาม MSCI รีวิวดัชนีงวดไตรมาส และการหารือระหว่างทรัมป์และอาเบะในประเด็นการค้าการลงทุน

การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีและให้ปันผลสูงเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก BBL-KBANK-TMB-KKP-AOT-BJC-BEAUTY-AMA-IRPC-WHA และ TASCO

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.พ.) ว่า การฟื้นตัวของ SET ยืนเหนือ 1,580 จุดปลายสัปดาห์ก่อน เป็นสัญญาณ “จบรอบ” การพักฐานเพื่อปรับสูงขึ้นต่อระยะสัปดาห์ เป้าหมาย 1,620 หรือถัดไปที่ 1,650 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) SET เข้าสู่ Bull season ในเดือน ก.พ.-เม.ย. 2) Consensus ปรับกำไร SET ขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีโดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และ 3) การจ้างงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง และโอกาสในการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในภาคธนาคารหนุน Dow Jones +0.94% ปลายสัปดาห์ก่อน

SET ยืนเหนือ 1,580 จุด เป็นสัญญาณ “จบรอบ” การพักฐาน…นำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่กำไรดี และมีผล “บวก” จากฤดูกาลเดือน ก.พ. – เม.ย.

1) ธนาคาร: “ซื้อ” KBANK TMB และ KKP (ปันผลสูง 2.30 บาท หรือ 3.9% สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2016 และ 8.4% ปีนี้)

2) ท่องเที่ยว: “ซื้อ” AOT รับผู้โดยสารส่งสัญญาณฟื้นตัว

3)  ค้าปลีก: “ซื้อ” BJC BEAUTY (กำไรไตรมาส 4/16 จะยังเติบโตดี 32% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน)

รวมไปถึง Growth และ Earnings Plays อย่าง AMA, IRPC, WHA

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.พ.) มีมุมมองเป็นกลางถึงบวก คาด SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจาก Sentiment เชิงบวกของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะสหรัฐซึ่งขานรับข่าวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งให้แก้ไขกฎระเบียบที่เข้มงวดของภาคการเงินในสหรัฐ คาดว่าหุ้นในกลุ่ม Big Cap จะยังเป็นกลุ่มนำตลาดโดยเฉพาะ กลุ่มธนาคาร มีการเก็งกำไรว่าจะถูก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในวันที่ 10 ก.พ. 17 ขณะที่กลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาเพิ่มขึ้นและแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/16 เติบโตโดดเด่น จากการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มสื่อสารอาจจะมีแรงกดดันโดยเฉพาะ ADVANC ที่ประกาศปรับลดนโยบายการจ่ายปันผลจาก 100% เป็นไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TASCO (ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 25.00 บาท), แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 เติบโตโดดเด่นจากราคายางมะตอยกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ปีนี้ได้ผลบวกจากความต้องการยางมะตอยในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มหลังประสบปัญหาน้ำท่วม, KKP (ซื้อ/เป้า 65.00 บาท) ผลประกอบการแข็งแกร่ง NPL ต่ำ และเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จ่ายปันผลสูงที่สุดของกลุ่มโดยปีนี้คาดว่าจะข่ายปันผลประมาณ 4.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 7.8%

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.พ.) ว่า ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ติดตามการประชุม กนง. วันที่ 8 ก.พ. คาดคงอัตรานโยบายที่ 1.5 % และวันศุกร์ 10 ก.พ. เช้าติดตาม MSCI รีวิวดัชนีงวดไตรมาส และการหารือระหว่างทรัมป์และอาเบะในประเด็นการค้าการลงทุน กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET แกว่งตัวในกรอบ 1,570 – 1,600 จุด โดยยังได้แรงหนุนจากทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่า และรอผลประกอบการ, จ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน แนะนำเก็งกำไรตามกรอบการลงทุน

ระยะสั้นแนะนำเก็งไร BBL, TMB และ KKP ต่อประเด็นคาดการณ์ MSCI อาจปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

Back to top button