SCCC แจง “จาร์ดีน ไซเคิล” เข้าเป็นผู้ถือหุ้นหลักแทน “โฮลซิม”

SCCC เผย"โฮลซิม" ขายหุ้นทั้ง 27.5% ที่ราคา 350 บ. ให้ “จาร์ดีน ไซเคิล แอนด์ แคริเอจ” ทั้งหมด 24.9% และ 2.6% ขายให้ผู้ลงทุนรายอื่น โดย “จาร์ดีน ไซเคิล” จะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นใหม่ไม่เข้าข่ายทำเทนเดอร์ฯ

30 มี.ค. 2558

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ระบุว่า กลุ่มโฮลซิม ลิมิเต็ด (โฮลซิม) ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัททั้งจำนวน 27.5% ให้กับนักลงทุนหลายรายในราคาหุ้นละ 350 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับบริษัท จาร์ดีน ไซเคิล แอนด์ แคริเอจ จำกัด ซึ่งจะเข้ามาถือหุ้นในบริษัทเป็นจำนวน 24.90% และไม่เข้าข่ายต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท

โดย SCCC ระบุว่า บริษัทได้รับแจ้งว่า โฮลซิมได้ตกลงที่จะขายหุ้นทั้งจำนวน 63,289,533 หุ้น หรือ 27.5% ของหุ้นบริษัท ซึ่งถืออยู่ในนามของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด โดยเสนอขายให้กับนักลงทุนหลายราย ซึ่งขายให้กับบริษัท จาร์ดีน ไซเคิล แอนด์ แคริเอจ จำกัด จำนวน 57,270,000 หุ้น หรือเท่ากับ 24.9% ในราคาหุ้นละ 350 บาท และขายหุ้นจำนวน 6,019,533 หุ้น หรือเท่ากับ 2.6% ให้กับผู้ลงทุนสถาบันรายอื่นหลายราย ภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัท จาร์ดีน ไซเคิล แอนด์ แคริเอจ จำกัด เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้ แต่ไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดแต่อย่างใด

สำหรับภายหลังการขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้โครงสร้างการถือหุ้นของ SCCC เปลี่ยนไป โดยบริษัทในกลุ่มรัตนรักษ์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 45.37% ,บริษัท จาร์ดีน ไซเคิล แอนด์ แคริเอจ จำกัด ถือหุ้น 24.90% และผู้ถือหุ้นอื่น รวม 29.73% โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นครั้งนี้ ยังไม่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานและการจัดการของบริษัท

อนึ่ง เช้าวันนี้ (30 มี.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขึ้นเครื่องหมาย “H” บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ช่วงเช้าวันนี้ (30 มี.ค.) หลังบริษัทขอพักการซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราวเนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยสารสนเทศสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นจากบริษัท

โดยวันที่ 23 ก.พ.58 บริษัท SCCC ระบุว่า บริษัทโฮลซิม ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของสวิตเซอร์แลนด์จะขายหุ้นทั้งหมดใน SCCC ผ่านบริษัทไทย ร็อค-เซม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่โฮลซิมถือหุ้นอยู่เป็นจำนวน 63.29 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 2.41 หมื่นล้านบาท หรือ 27.5% สำหรับข้อตกลงซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะขายในช่วงราคาหุ้นละ 350-381 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดอยู่ 0-8%