11 หุ้นอ่วมอรทัย! เดือนเดียวราคารูดเกิน 10%

เปิดชื่อ 11 หุ้นอ่วมอรทัย! ราคารูดเกิน 10% ภายในเดือนเดียว หลังเจอปัญญารายล้อม นำโดย RICH, PTG, CHARAN, MPIC, STEC, HTC, SAPPE, MALEE, KCE, ESSO และ WIN


เปิดชื่อ 11 หุ้นอ่วมอรทัย! ราคารูดเกิน 10% ภายในเดือนเดียว หลังเจอปัญญารายล้อม นำโดย RICH, PTG, CHARAN, MPIC, STEC, HTC, SAPPE, MALEE, KCE, ESSO และ WIN

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เดือนมกราคม 2560 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 ม.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ปรับตัวลงเกิน 10%โดยเป็นที่น่าจับตาว่า 11 บจ. ที่ราคาปรับตัวลงแรงตั้งแต่เดือนแรกของปีนั้น ราคาหุ้นจะสามารถกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกเมื่อไหร่ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในช่วงที่บริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี 59 ออกมา ซึ่งหากผลงานออกมาไม่ดีอาจจะส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงแรงลงไปอีก

โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 11 ตัว คือ RICH, PTG, CHARAN, MPIC, STEC, HTC, SAPPE, MALEE, KCE, ESSO และ WIN

 

อันดับ 1 บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือRICH ราคาหุ้นปรับตัวลง 28.57% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 0.28 บาท  ลบ 0.08 บาท มาอยู่ที่ 0.20 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.60

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงหลังจากที่มีประเด็นเกี่ยวกับการที่บริษัทได้รับหนังสือแจ้งการผิดนัดชำระหนี้จากเจ้าหนี้ธนาคารแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีตั๋วแลกเงิน (B/E) ที่ถึงกำหนดชำระ ส่งผลให้บริษัทมีหนี้ผิดชำระทั้งหมด 5 รายการ มูลค่ารวม 2.06 พันล้านบาท คิดเป็น 54.15% ของสินทรัพย์รวม เมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมตามงบการเงิน

อันดับที่ 2 บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ราคาหุ้นปรับตัวลง 14.50% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 32.75 บาท  ลบ 4.75 บาท มาอยู่ที่ 28.00 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.60

อย่างไรก็ตาม PTG คาดว่ารายได้ในปี 59 จะอยู่ที่ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าปี 60 แตะแสนล้านบาท หลังจากรุกแผนขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีสาขาบริการน้ำมัน 1,900 สาขาในปีหน้า และในปี 2565 แตะ 4,000 สาขา จากในปีนี้ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 1,450 สาขา

อันดับที่ 3 บริษัท จรัญประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHARAN ราคาหุ้นปรับตัวลง 12.42% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 40.25 บาท  ลบ 5.00 บาท มาอยู่ที่ 35.25 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.60

โดย CHARAB เป็นผู้ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัยทุกประเภท ได้แก่ การประกันอัคคีภัย การประกันภัยรถยนต์ การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง และการประกันภัยเบ็ดเตล็ด โดยที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทค่อนข้างทรงตัว ไม่หวือหวา ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยให้ความสนใจกับหุ้นตัวนี้นัก

อันดับที่ 4 บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC ราคาหุ้นปรับตัวลง 12.29% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 1.79 บาท  ลบ 0.22 บาท มาอยู่ที่ 1.57 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.60

โดย MPIC เป็นผู้จัดซื้อสิทธิภาพยนตร์ต่างประเทศเพื่อนำมาจัดจำหน่ายภายในประเทศ พร้อมกับเข้าลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านภาพยนตร์ โดยผ่านทางบริษัทย่อยต่างๆ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ และธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เพื่อจัดจำหน่ายผ่านโรงภาพยนตร์ พร้อมทั้งการขายลิขสิทธิ์ให้สื่อทางทีวี ซึ่งที่ผ่านมาผลการดำเนินงานนั้นไม่ดีนัก ล่าสุดไตรมาส 3/59 บริษัทมีผลขาดทุน 41.68 ล้านบาท จึงส่งผลให้เป็นหุ้นที่ถูกนักลงทุนเทขาย

อันดับที่ 5 บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ราคาหุ้นปรับตัวลง 11.35 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 27.75 บาท  ลบ 3.15 บาท มาอยู่ที่ 24.60 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.60

อย่างไรก็ตามในปี 60 บริษัทตั้งเป้าจะได้รับงานใหม่เข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ โดยบริษัทยังคาดการณ์รายได้ในปี 61 ราว 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปี 60 ที่น่าจะทำรายได้ 2.1 หมื่นล้านบาท หลังจากปี 59 รายได้ทรงตัวที่ราว 1.8 หมื่นล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามอาจมีบาง บจ.ที่ด้านพื้นฐาน หรือผลประกอบการนั้นอาจจะทำผลงานได้ไม่ดี อีกทั้งมีปัจจัยลบ จึงส่งผลกระทบราคาหุ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ราคาหุ้นจึงปรับตัวลงค่อนข้างมาก แต่เมื่อราคาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และนักลงทุนเริ่มมองเห็นแผนอนาคตที่บางบริษัทวางแผนไว้ อาจจะเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นว่าผลงานบริษัทจะยังไปได้ดี ส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button