SET ไซด์เวย์ในกรอบ เก็ง 12 หุ้นเด็ด ปันผล-เทคนิคสวย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังไซด์เวย์ในกรอบ ระหว่างที่ตลาดรอประเมินผลกระทบนโยบายทรัมป์ที่จะมีผลต่อกระแสเงินทุนกา รลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโต ปันผลดี ขณะที่ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.04 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเช่นกัน รับข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ใน 2-3 สัปดาห์หน้า

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังไซด์เวย์ในกรอบ ระหว่างที่ตลาดรอประเมินผลกระทบนโยบายทรัมป์ที่จะมีผลต่อกระแสเงินทุนกา รลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโต ปันผลดี ขณะที่ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค หุ้นเด่นเลือก KKP-KTB-MC-SUSCO-IVL-BR-KTB-COM7-JMART-SVOA-IRPC และ ROBINS

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.พ.) การปรับลดลงของ SET วานนี้ยังอยู่ในกรอบ sideways ที่มองไว้ ไม่ได้ทำให้แนวโน้มระยะสัปดาห์ และมุมมองการปรับขึ้นของ SET ในช่วงเดือน ก.พ. – เม.ย.ที่เป็น Bull Season ไปที่ 1,620/1,650 จุด หมดไป ขณะที่การฟื้นตัวของ Dow Jones +0.59% คาดคืบหน้าลดภาษีนิติบุคคลในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า และน้ำมันดิบ Brent +0.9% หนุน SET ฟื้นตัววันนี้

แนะนำ “ซื้อ” Yield plays รับ Dividend season ได้แก่

1.KKP ปันผลสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร 8.0% ปีนี้ และ 3.8% สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2016

2.KTB PE ต่ำสุดในกลุ่มฯ ที่ 8.1 เท่า, PBV 1 เท่า และปันผลปีละครั้ง 4.6%

3.MC กำลังซื้อฟื้น กำไรเร่งตัว +16% ปีนี้ PE ต่ำ 14.4 เท่า ปันผล 5.1%

4.IRPC ค่าการกลั่นสูง ผลดีการ upgrade โรงกลั่น ปันผล 4.4%

“ซื้อ” SUSCO เพื้นฐาน 5.00 บาท แม้กำไรไตรมาส 4/16 ไม่น่าตื่นเต้น แต่เป็นโอกาส “ซื้อ” มองการขยายปั๊มน้ำมันเชิงรุก 20 – 30 ปั๊ม/ปี และค่าการตลาดที่สูง หนุนกำไรโต 25% ปี 2017-18 ปัจจุบัน PE ต่ำ 14 เท่า เทียบ PTG ที่ 31 เท่า

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.พ.) ว่า กลับมามีมุมมองเชิงบวก โดยคาด SET มีโอกาสฟื้นตัว 1) ได้ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ เตรียมประกาศแผนลดภาษีใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า และการส่งสัญญาณครั้งใหม่ของเฟดที่อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้เพียง 1 ครั้งจากเดิม คาดว่าจะปรับขึ้นถึง 3 ครั้ง 2) ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องน่าจะหนุนให้หุ้นในกลุ่มพลังงานที่ร่วงแรงกลับมาฟื้นตัว และ 3) ยังคาดหวัง MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตามระวัง Sell on Fact หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK STEC) รับข่าวรองนายกฯ สมคิดเตรียมผลักดันโครงการรถไฟฟ้าเข้า ครม.ทั้ง 10 สายในปีนี้ และกลุ่มผู้ประกอบการขายมือถือและสินค้า IT (JMART COM7) รับผลบวกงาน Mobile Expo 9 -12 ก.พ.หนุนยอดขาย

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : IVL (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท) มี Upside หากทรัมลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจาก IVL มี EBITDA กว่า 30% มาจากธุรกิจในสหรัฐ ประเมินทุก 5% ที่สหรัฐลดภาษีจะเพิ่มกำไรต่อประมาณการณ์ขประมาณ 3-5%, BR (ซื้อ/เป้า 8.5.00) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/16 ประมาณ 88 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อน รับรู้รายได้จาก VSE เต็มไตรมาส และปีนี้คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2016 เป็น 500 ล้านบาท, COM7 (ซื้อ/เป้า Consensus 13.50) รับอานิสงส์งาน Mobile Expo 9-12 ก.พ.คาดหนุนยอดขายกล้องและสินค้า IT เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาหุ้นยัง Laggard หากเทียบกับผู้ประกอบการในกลุ่มมือถือและสินค้า IT คือ JMART และ SVOA

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.พ.) ว่า Dollar Index วานนี้เริ่มแข็งค่าขึ้น 4.2% โดยหากแข็งค่าเงินเกินระดับ 101 น่าจะส่งผลลบต่อ Fund Flow ที่ไหลเข้าสุ่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ เช้านี้รอรายงานการส่งออก จีน ม.ค. คาด +3.2% จากปีก่อน กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบ 1,580 – 1,600 จุด ระหว่างรอประเมินผลกระทบนโยบายทรัมป์ที่จะมีผลต่อกระแสเงินทุนไหลเข้า – ออก ระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น KTB, IRPC, ROBINS

Back to top button