ไซด์เวย์โมนิก้าและทีมงาน
*หากจับอาการของดัชนีตลอดทั้งสัปดาห์จะเห็นว่า การเคลื่อนตัวค่อนไปในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้การเข้าลงทุนเป็นลักษณะเก็งกำไรสั้นๆ พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์ดันหุ้นแล้วรีบขายทิ้งแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นแพทเทิร์นที่นักลงทุนต้องอ่านให้ขาด และขอให้ระลึกไว้เสมอว่า การทะยานขึ้นของดัชนีในเที่ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่ยากเกินไป และไม่ใช่เรื่องง่ายเกินไปเจ้าค่ะ
*หากจับอาการของดัชนีตลอดทั้งสัปดาห์จะเห็นว่า การเคลื่อนตัวค่อนไปในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้การเข้าลงทุนเป็นลักษณะเก็งกำไรสั้นๆ พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์ดันหุ้นแล้วรีบขายทิ้งแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นแพทเทิร์นที่นักลงทุนต้องอ่านให้ขาด และขอให้ระลึกไว้เสมอว่า การทะยานขึ้นของดัชนีในเที่ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่ยากเกินไป และไม่ใช่เรื่องง่ายเกินไปเจ้าค่ะ
*ด้วยเหตุนี้อย่าไปคาดหวังเรื่องดัชนีมากเกินไป เพราะสิ่งที่ควรหวังคือช่องทางการทำกำไรยังมีอยู่หรือเปล่า? รวมทั้งการเข้าซื้อหุ้นโดดๆ เพียงคนเดียวของกองทุนตัวแสบ ไม่ช่วยให้ดัชนีขยับขึ้นไปได้เลยแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่กดดันบรรยากาศการลงทุนพอสมควร ส่งผลให้จังหวะที่ดีสุดในเที่ยวนี้กลายเป็นการ “เปิดสูง ปิดต่ำ” ดัชนีถึงขยับเขยื้อนไปไหนได้ไม่ไกลไงล่ะค่ะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีปิดได้แค่ระดับ 1,585.24 จุด บวกไป 1.99 จุด ด้วยมูลค่า 5.34 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นข้อมูลที่ซัพพอร์ตกระบวนการทางความคิดในเรื่องพักฐานได้เป็นอย่างดี หรือถ้ามองในมุมของการลงทุนสั้นๆ มันเป็นโอกาสทองในการสลับหุ้นเล่นไปเรื่อยๆ “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยเดือดร้อนกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนี เพราะเที่ยวนี้เป็นเรื่องของความสามารถเฉพาะตัวนะจ๊ะ
*ตรงนี้ดูได้จากพี่เทพ PTTEP กระชากขึ้นทะลุแนวต้าน 100 บาทอย่างแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายโดนรินออกมาเรื่อยๆ จนลงมากองอยู่ที่ 93.50 บาท ลบไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 1.21 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นรายการที่จบเร็วเกินไปหน่อยมั้ง! บวกกับหุ้นหลุดแนวรับสำคัญลงมาอย่างรวดเร็ว สงสัยงานนี้ต้องไปรอเก็บหุ้นที่บริเวณ 90 บาทเป็นจุดแรกเสียแล้วนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของน้องมิ้น MINT ทุกอย่างเดินมาในทางบวกทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเหมือนที่คาดคิด “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนมองแพทเทิร์นการเคลื่อนตัวของหุ้นในอดีตเป็นหลัก เพราะมันทำให้เห็นว่า กี่ครั้งกี่หนก็เป็นเหมือนเดิมแบบนี้ แถมราคาหุ้นล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ 35.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท เล่นรอบสั้นๆ ปลอดภัยสุดเจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นที่เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น BEM เป็นรายแรกของการเล่นในเที่ยวนี้ หลังหุ้นวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 7.20 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 530 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่าลุยดีเหลือเกิน เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ราคาบริเวณนี้ค่อนข้างต่ำเกินไป บวกกับตัวธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมเป็นตัวเร่งให้ราคาหุ้นยกตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ลงแรง ขึ้นแรง) นะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SQ กระชากขึ้นมาปิดที่ 5.15 บาท บวกไป 0.21 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการรีบาวด์ธรรมดาๆ ในแง่ของสัญญาณเทคนิค ซึ่งอาจย่อตัวลงอีกครั้ง หลังเกิดสัญญาณ doji star แต่ถ้ามองในมุมของข่าวดีที่จะปรากฏในอนาคต นี่เป็นจังหวะที่ต้องตามน้ำในทันที เพราะมีคนเปิดเกมเขี่ยลูกให้เล่นแล้วนะซี
*เหมือนกับในรายของ CKP เด้งขึ้นมาปิดที่บริเวณ 3.30 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 5.10% ด้วยมูลค่า 285 ล้านบาท ก็มีแพทเทิร์นคล้ายคลึงกับรายข้างต้นที่น้องโมเล่าให้ฟัง แต่ต่างกันนิดหนึ่งตรงที่สัญญาณเทคนิคหลายตัวยังดูดี จึงคาดหวังโอกาสที่หุ้นจะทะยานขึ้นไปถึง 3.50 บาทได้อีกครั้ง ก่อนจะไปถึงบริเวณนั้นต้องผ่านแนวต้าน 3.36 บาทไปให้ได้เสียก่อนจ้า!
*ส่วนคนที่ชอบของร้อนเป็นทุนเดิม “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูหุ้น AMANAH เป็นแบบอย่างสำหรับการลงทุนในเที่ยวนี้ เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ไล่ราคากันแบบลืมตาย จนหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 1.40 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 18.65% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 82 เท่า มันเป็นเกมที่โอเว่อร์รีแอ็คต์เกินไปหน่อยสำหรับธุรกิจที่ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อยนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BCH เด้งขึ้นมาปิดที่ 13.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 45 เท่าแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวก็จริง แต่หลายคนเชื่อว่า กำไรปี 60 จะออกมาดีสุดๆ เดี๋ยวค่าพีอีดังกล่าวจะลดลงไปเอง จึงเป็นจังหวะของการลุยอีกรอบนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่ต้องเข้าทำเร็ว ในเมื่อเห็นกันอยู่แล้วว่า หุ้นกำลังอยู่ในช่วงรีบาวด์เพื่อลงต่อนะซี
*เม้าท์ถึงหุ้นโรงพยาบาลขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอพูดถึงโรงพยาบาลที่ลืมบุญคุณคนที่ช่วยอุ้มชูให้กิจการเดินหน้าไปได้อย่าง BDMS สักหน่อยดีกว่า! เพราะเรื่องราวที่ได้ยินมามันทำให้เดี๊ยนรู้สึกไม่แฮปปี้กับพฤติกรรมของหมอเสริฐ ยิ่งมีคนเปรียบเทียบการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเทกโอเว่อร์นั่น..นู่น..นี่ แต่ไม่มีปัญญาหาทางช่วยเหลือผู้มีอุปการคุณแบบนี้ สังคมต้องการให้หมอออกมาชี้แจ้งอีกครั้ง (เลิกอ้างเรื่องกฎหมายบ้างก็ได้)..อิอิอิ
*สำหรับกรณีของ IFEC วันนี้คงเป็นการชี้ชะตาเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงแบบไหน? เพราะแต่ละฝั่งขุดเอกสารมาแฉแบบละเอียดยิบ จนเดี๊ยนไม่อยากลงไปอ่านในรายละเอียดดังกล่าว เพราะมันไม่เห็นว่า ใครดีกว่ากันเลยแบบนี้..สังคมต้องตัดสินจากพฤติกรรมของทั้ง 2 ฝั่งจากวันนี้นะจ๊ะ