ดันไม่ขึ้นโมนิก้าและทีมงาน
*โลกของการลงทุนไม่มีอะไรต้องคิดหนัก จนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะอาการอย่างที่ว่านั้น มันเป็นอาการของพวกมือใหม่หัดเล่น ซึ่งมักจะตื่นเต้นไปกับอารมณ์ของตลาดหุ้นมากเกินไป ทำให้หลงลืมไปว่า เมื่อถึงจังหวะขายทำกำไร ก็ต้องขายเอากำไรไว้ก่อน และพอถึงจังหวะต้องถอยเพื่อลดความเสี่ยง ก็ต้องตัดใจขายหุ้นให้ได้เช่นกันนะจะบอกให้
*โลกของการลงทุนไม่มีอะไรต้องคิดหนัก จนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะอาการอย่างที่ว่านั้น มันเป็นอาการของพวกมือใหม่หัดเล่น ซึ่งมักจะตื่นเต้นไปกับอารมณ์ของตลาดหุ้นมากเกินไป ทำให้หลงลืมไปว่า เมื่อถึงจังหวะขายทำกำไร ก็ต้องขายเอากำไรไว้ก่อน และพอถึงจังหวะต้องถอยเพื่อลดความเสี่ยง ก็ต้องตัดใจขายหุ้นให้ได้เช่นกันนะจะบอกให้
*เหล่านี้เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่า วันนี้ควรเอาอย่างไรดี? แถมข้อมูลที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้ มันหมายถึงทุกคนพร้อมกระโดดหนีตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ช่วงนี้มีแต่ข่าวที่รบกวนจิตใจ เพราะเมื่อสำรวจปัจจัยรอบด้านก็พบว่า ไม่มีประเด็นบวกให้พูดถึงจริงๆ ดัชนีถึงแกว่งตัวตุปัดตุเป๋ แถมพยายามดันกันเท่าไหร่ ก็ดันไม่ขึ้นสักทีแบบนี้ วานนี้ถึงเห็นดัชนีปิดได้แค่ 1,576.05 จุด บวกไป 2.68 จุด ด้วยมูลค่า 4.95 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องเบื่อๆ เซ็งๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดูความขัดแย้งของนักลงทุนรายใหญ่กันสักหน่อย โดยเป้าหมายหลักที่ถูกสังคมเพ่งเล็งกลายเป็นพ่อหนุ่มหน้ามน ว. ซึ่งช่วงหลังหันไปเอาดีทางด้านทำหุ้น หรือที่รู้จักในชื่อ MM (ไม่ใช่ช็อกโกแล็ตเอ็มแอนด์เอ็มหรอกนะ) โดยจุดเกิดเหตุในเที่ยวนี้มันมาจากการสาดหุ้นใส่พวกขาใหญ่อีกฝั่งหนึ่งแบบไม่ยั้งพะยะค่ะ
*ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเลยกลายเป็นการสาปส่งแบบไม่มีชิ้นดี “โมนิก้า” ในฐานะคนรับเรื่องร้องทุกข์จากทุกฝั่งในตลาดหุ้น จึงต้องออกตัวแบบเป็นกลางว่า เรื่องนี้ไม่สามารถโทษใครได้ทั้งสิ้น เพราะมันเป็นเกมของแต่ละฝั่งที่ถูกเซ็ทกันมาตั้งแต่ต้น ซึ่งหากรู้ปูมหลังเป็นมาอย่างไร ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น เดี๊ยนถึงอยากให้บรรดาแมงเม่ายึดหลักลงทุนในเที่ยวนี้ว่า อย่าหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่นเจ้าค่ะ
*เหมือนกับพวกสายข่าวที่เม้าท์ถึง SE มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องทำใจตั้งแต่แรกเริ่มว่า คุณหมอใจดีท่านหนึ่งขันอาสารับหน้าเสื่อให้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง พอเริ่มการเขี่ยลูกเพื่อเล่นอย่างเป็นทางการ จึงเน้นการสาดโด่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นหุ้นที่ไม่มีทรง แม้วานนี้จะดันขึ้นมาปิดที่ 3.96 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท แต่มันก็เป็นเกมที่ทุกคนรู้แล้วว่า เจ้ามือกินเรียบ..อิอิอิ
*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงไปยัง PT ซึ่งเป็นหุ้นที่นอนสลบมาเป็นเวลานาน จู่ๆ กลุ่มผู้บริหารประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นในสัดส่วน 1:1 พ่วงด้วยการจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีกจำนวน 0.88 บาทต่อหุ้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่มาแบบเหนือเมฆจริงๆ แถมเมื่อย้อนกลับไปดูมูลค่าซื้อขายที่โป่งพองเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็เม้าท์ได้ทันทีว่า ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ โดยผลดังกล่าวทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 14.50 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 14% ด้วยมูลค่า 193 ล้านบาทไงล่ะค่ะ
*นอกจากนี้ยังทำให้หุ้นที่มีสัมพันธ์ทางอ้อมอย่างหุ้น PE ติดสอยห้อยตามขึ้นมาด้วยอีกตัวหนึ่ง โดยเที่ยวนี้หุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 0.93 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่า 80 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเพียงแค่ลูกติดพันของเกมหุ้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่! วันนี้ถึงต้องรีบชิ่งหนีตั้งแต่หัววัน เพราะสตอรี่ไม่เร้าใจสักเท่าไหร่นะซี
*เม้าท์ถึงตรงนี้ “โมนิก้า” จำเป็นต้องโยงไปถึง PM ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของหุ้น PE สักนิดหนึ่ง เพราะแทนที่หุ้นจะดีดตัวขึ้นตามกระแส กลับกลายเป็นโดนกระหน่ำอย่างหนักหน่วง จนหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 10.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4.55% ด้วยมูลค่า 147 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ไม่เมคเซนส์เอาซะเลยแม่คุณ! จึงต้องถอยออกมาอยู่วงนอกเช่นกันเจ้าค่ะ
*ส่วนที่แรงแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้นต้องยกให้ JMT ทะยานขึ้นต่อเนื่องเป็นแรมเดือน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 22.70 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 8.60% ด้วยมูลค่า 296 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการกลับมาครั้งสำคัญของหุ้นตัวนี้ เพราะเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ7 เดือนก่อน หุ้นยังย่ำต๊อกต๋อยที่บริเวณ 9.80 บาท มาวันนี้ราคาหุ้นขึ้นเป็นเท่าตัว จนค่า P/E ขึ้นไปถึง 87 เท่า มันน่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ใช่ไหมจ๊ะ
*หากชอบเรื่องตื่นเต้นเร้าใจ “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับไปดู BIG เป็นตัวเลือกแรกของการเล่นในจังหวะ “กล้าได้กล้าเสีย” หลังราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 6 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 6.20% ด้วยมูลค่า 380 ล้านบาท แถมเป็นการปิดตรงแนวต้านแบบเหมาะเจาะพอดีแบบนี้ มันตีความได้สองอย่างคือ “ทะลุแล้วไปต่อ” กับ “ทรุดตัวแล้วกลับฐาน” วันนี้ถึงต้องจับตาดูให้ดีนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ COMAN ทะยานขึ้นแรงแล้วถูกเทขาย ต่อจากนั้นทะยานขึ้นมาใหม่ แล้วถูกเทขายอีก วนเวียนไปมาที่บริเวณ 10-12 บาทแบบนี้มา 3 รอบด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการเล่นรอบของพวกนกรู้ บวกกับวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 11.60 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.45% ด้วยมูลค่า 145 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่น่ารักน่าลุ้นดีเหลือเกินนะจะบอกให้