พายเรือวนในอ่างโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเร้าใจมากๆ เพราะมูฟเม้นท์ของการลงทุนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จนถึงขั้นที่ว่า เซียนต้องหักปากทิ้งไปแล้วหลายด้ามด้วยกัน แถมแรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้เป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา ยิ่งทำให้ดัชนีมีความผันผวนมากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งเปิดช่องให้นักเก็งกำไรเข้ามาตะลุยกันอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเร้าใจมากๆ เพราะมูฟเม้นท์ของการลงทุนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จนถึงขั้นที่ว่า เซียนต้องหักปากทิ้งไปแล้วหลายด้ามด้วยกัน แถมแรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้เป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา ยิ่งทำให้ดัชนีมีความผันผวนมากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งเปิดช่องให้นักเก็งกำไรเข้ามาตะลุยกันอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ

*ข้อมูลดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองการขยับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,583.31 จุด ต่อจากนั้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,564.42  จุด บวกไป 14.05 จุด มันเป็นเพียงเกมวิ่งผลัดที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งจะมีแรงซื้อใหม่ๆ เข้ามาเป็นระลอก ขณะเดียวกันมักจะมีแรงเทขายหนักๆ ออกมาในจังหวะที่ไม่คาดฝันเป็นประจำ ส่งผลให้การขยับตัวของตลาดหุ้นเหมือนการพายเรือวนในอ่างพะยะค่ะ

*วันนี้ถึงไม่ต้องประเมินอะไรให้ยุ่งยาก เพราะการเล่นเที่ยวนี้มันอยู่ที่ใครสายป่านยาวกว่ากัน และคุมจังหวะของการขึ้นของหุ้นได้แนบเนียนกว่ากัน คนนั้นจะมีโอกาสขายหุ้นได้ในราคาที่ดีมากๆ เพราะคนที่เข้ามาใหม่ต้องควักเงินซื้อหุ้นเยอะขึ้น ซึ่งเหมือนกับเกมของหุ้นหลายตัวที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระลอก เอาเข้าจริงก็เป็นการหาประโยชน์จากข่าวสารที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครรู้เรื่องจริงๆ เป็นอย่างไรเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องมองการลงทุนเป็นแบบเหรียญ 2 ด้าน ซึ่งมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแหยงทุกครั้งที่เม้าท์ถึงหุ้นร้อน แถมการเหวี่ยงตัวของหุ้นในกลุ่มนี้ก็แรงจนน่ากลัว..ถ้าไม่เข้าไปเล่น ก็พลาดโอกาสทอง ถ้าเข้าไปเล่น แล้วไม่ขายหุ้นในช่วงถีบตัว ก็ติดดอยแบบไม่ทันตั้งตัว “โมนิก้า” ถึงพยายามกระตุ้นให้แฟนคลับเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และพยายามอย่าฝืนธรรมชาตินะคะ

*เหมือนกับกรณีของพ่อดอกมะลิ JAS วานนี้โดนถล่มอย่างหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 8.70 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่า 2.41 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของเกมที่ขาประจำคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และถ้าจำสิ่งที่เดี๊ยนเคยพูดไว้ว่า อย่าเล่นตามเมื่อผู้เล่นมีความมั่นใจ และควรทำตัวสวนกระแสเมื่อผู้เล่นเกิดหวาดกลัว วันนี้ทุกคนคงจะรู้แล้วว่า มันนี่เกมก็เป็นแบบนี้แหละ!

*ส่วนรายที่ “พลอยฟ้าพลอยฝน” ไปด้วยเต็มๆ “โมนิก้า” กลับรู้สึกเห็นใจ JASIF หลังโดนถล่มอย่างหนักหน่วง จนราคาหุ้นรูดลงมาปิดที่ 11.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3.33% ด้วยมูลค่า 677 ล้านบาท มันเป็นเกมที่มองได้ 2 ด้านเช่นกัน วันนี้ใครจะขายก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องผิด หรือวันนี้ใครจะถือต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน เพราะคอนเซ็ปต์ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนยาวเป็นหลัก จะเล่นวิธีไหน..ก็ขึ้นอยู่คนนั้นเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AOT มันเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจแมงเม่าก็จริง แต่อย่าลืมว่า จุดจบของเรื่องไม่ได้แย่เหมือนที่พูดกันป่าวๆ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ราคาหุ้นยังมีโอกาสถีบตัวขึ้นไปได้เรื่อยๆ ซึ่งมีข้อแม้ว่า กองทุนตัวแสบ กับฝรั่งตาน้ำข้าวต้องเลิกสาดหุ้นหนักออกมาเสียที เพราะราคาปิดที่ 39.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่า 1.50 พันล้านบาท ถือว่าเยอะพอสมควรแล้วนะซี

*อีกหนึ่งรายที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที อกหักใช่ไหมอย่างนี้ก็คือ BA ทั้งที่ทุกอย่างถูกปูพื้นมาเป็นอย่างดี แถมผู้บริหารออกมายืนยันถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ แถมในช่วงเดือน พ.ย. 59  ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดขึ้นไปถึง 25 บาท แต่หลังจากนั้นกลับโดนเทขายออกมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายหุ้นลงมาปิดที่ 20.50 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.30%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 440 ล้านบาท เขาถึงเตือนกันมากเหลือเกินว่า ซื้อหุ้นสายการบินมีแต่เจ๊ง!

*เม้าถึงหุ้นใหญ่ๆ พอหอมปากหอมคอแล้ว “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึง  ATP30 เพื่อให้ขาลุยได้เห็นพัฒนาการที่สำคัญในเที่ยวนี้มีอะไรบ้าง โดยสิ่งที่เดี๊ยนสัมผัสได้ในยามนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตของฐานลูกค้า  ซึ่งเป็นตัวที่จะผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง ยิ่งมีการเม้าท์ถึงความร่วมมือกับลูกค้าใหม่ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ย่อมเป็นจังหวะของการช้อนซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นที่ระดับ 2.12 บาทมันถูกเกินไปนะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ COMAN หากมองตามรูปการณ์ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ “โมนิก้า” มองว่า ไม่มีอะไรแตกต่างจากรายข้างต้นสักเท่าไหร่? ส่วนประเด็นที่น่าสนใจจริงๆ มันมาจากราคาหุ้นทรุดตัวลงหนัก ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 10.20 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 10.50% ด้วยมูลค่า 97 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนมองได้แค่ว่า เจ้ามือเริ่มถอยหรือเปล่า? หุ้นถึงเสียทรงขนาดนี้ และต้องคิดต่อไปว่า ทุกครั้งหุ้นชอบเด้งแถว 10 บาทยังขลังอยู่ไหมด้วยนะจ๊ะ

*ส่วนในรายของ ETE มันเห็นกันอยู่แล้วว่า ราคาหุ้นโดนถล่มลงมาค่อนข้างเยอะ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แฟนคลับต้องทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วนว่า แวลูที่แท้จริงของหุ้นตัวนี้อยู่ตรงไหน? และเมื่อดูควบคู่กับโอกาสทางธุรกิจในอนาคตยังเปิดกว้างย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า การที่หุ้นลงมาปิดที่4.64 บาท ลบไป 1.01 บาท ลบไป 17.90% ด้วยมูลค่า 585 ล้านบาท มันน่าจะมาจากขาใหญ่ดูโอที่เก็บหุ้นไว้เยอะอย่าง เจ๊ ฟ. กับคู่หู หนุ่ม ว. พวกแมงลือเขาว่าอย่างนั้น..อิอิอิ

*ตบท้ายกันที่ หมอวิชัย ซึ่งกำลังทำตัวแพ้แล้วพาลนิดหนึ่งว่า การถ่ายโอนอำนาจ IFEC ไปสู่กลุ่มทุนของ เฮียทวิช เสร็จสมบูรณ์แบบไปตั้งแต่วันที่มีการประชุมผู้ถือหุ้น 14 ก.พ. วันนี้ก็ควรออกมายอมรับแบบแมนๆ สักทีว่า รายชื่อกรรมการใหม่เสร็จทันวันที่ 28 ก.พ. แน่นอน! ซึ่งจะเป็นการสยบข่าวลือด้านลบเกี่ยวกับตัวหมอได้ทันที..ถ้าไม่ออกมาทำอะไรเลย พี่หมอจะกลายเป็นผู้ร้ายในทันทีเช่นกัน..เดี๊ยนเตือนเพราะหวังดี รักนะ..จุ๊บ..จุ๊บ!

Back to top button