SET ลุ้นรีบาวด์ สอย 6 หุ้นร้อนปันผลสวย-กำไรโต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค การประกาศงบของบริษัทอาจช่วยหนุนดัชนีได้บ้างแต่ให้ระวังแรง Sell on fact หลังการประกาศงบของบางบริษัท การลงทุนยังคงเน้นไปที่หุ้นปันผลดี และกลุ่มที่มีแนวโฯ้มกำไรฟื้นตัวเด่นเป็นหลัก หรือเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีเทคนิคเด่น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.99 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่เดินหน้าทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 8 วันทำการ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค การประกาศงบของบริษัทอาจช่วยหนุนดัชนีได้บ้างแต่ให้ระวังแรง Sell on fact หลังการประกาศงบของบางบริษัท การลงทุนยังคงเน้นไปที่หุ้นปันผลดี และกลุ่มที่มีแนวโฯ้มกำไรฟื้นตัวเด่นเป็นหลัก หรือเลือกเก็งกำไรหุ้นเทคนิค หุ้นเด่นเลือก PLANB-SUSCO-EASON-KKP-TISCO และ *PERM

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (22 ก.พ.) คงเป็นลักษณะแกว่งตัว โดยให้จับตาดัชนีฯจะรีบาวด์ได้หรือไม่ หลังวานนี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดภูมิภาค ถ้ารีบาวด์ไม่ได้มีโอกาสปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับ 1,558-1,546 จุด แต่ถ้ารีบาวด์ได้มีแนวต้าน 1,573 จุด เนื่องจากในทางเทคนิคมีโมเมนตัมเป็น Negative ซึ่งจะต้องระวัง สำหรับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะช่วยหนุนตลาดได้บ้าง แต่มีบางบริษัทที่รับรู้ไปแล้วทำให้หลังประกาศงบอาจมี Sell on fact

ด้านตลาดภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก มีบางตลาดที่ติดลบเล็กน้อย ซึ่งต่างก็รอดูรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายงานดังกล่าวในคืนวันนี้ โดยดูว่าจะมีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ถ้ามีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fund Flow จะยังไม่ไหลเข้าต่อไป ส่วนหุ้นเด่นก็จะเป็นพวกที่มีปันผลพิเศษ รวมถึงมี Outlook ดี

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.พ.) การฟื้นตัวของตลาดหุ้น Dow Jones +0.58% เมื่อคืนนี้ จาก 1) ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนกลุ่มค้าปลีกแข็งแกร่ง และ 2) ความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายภาษีในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมไปถึงราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.9% เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของ SET ที่แนวรับ 1,564 จุด วันนี้ มองกลุ่มหุ้นที่กำไรดี และปันผลเด่นยัง Outperform ตลาด

แนะนำ “ซื้อ” หุ้นปันผลสูง 1) KKP คาดประกาศเงินปันผล 2.30 บาท/หุ้น สำหรับกำไรครึ่งปีหลังของปี 2016 ปลายเดือนนี้ และคาดการณ์ปันผลปีนี้ที่ 7.8% 2) TISCO ปันผล 3.50 บาท/หุ้น หรือ 5.3% ขณะที่การเข้าซื้อธุรกิจ Retail Banking จาก SCBT กลางปีเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตกำไรในระยะถัดไป

“ซื้อ” หุ้นเติบโต 1) PLANB คาดกำไรฟื้นตัวเด่น 54% ปีนี้ เม็ดเงินโฆษณาเร่งตัว มีแหล่งรายได้ใหม่จาก Sport Marketing 2) SUSCO ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันยังเติบโตจากยอดเติมน้ำมันเพิ่ม และค่าการตลาดสูง 3) EASON ธุรกิจสีรถจักรยานยนเติบโตทั้งใน-ต่างประเทศ

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.พ.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ภาพใหญ่ยังดีไม่มีปัจจัยน่ากังวลทำให้วันนี้ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว (Technical Rebound) โดยวานนี้ยูโรโซนประกาศตัวเลขดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ดัชนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56 จาก 54.4 ในเดือนม.ค.และนับเป็นการปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดน้ำมันดิบปรับขึ้น น่าจะส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนในวันนี้

คาดหุ้นในกลุ่ม Big Cap ซึ่งปรับตัวลงวานนี้น่าจะมีแรงซื้อกลับ นำโดย ธนาคาร และ พลังงาน เช่นเดียวกับหุ้นที่จ่ายปันผลสูง TISCO SPRC TOP KKP และ KTB ราคาหุ้นที่ลดลงจะทำให้ Yield ดูน่าสนใจมากขึ้น ส่วนหุ้นขนาดกลางถึงเล็กยังเน้นเก็งกำไรในกลุ่มที่คาดว่าจะประกาศผลประกอบการออกมาดี อาทิ กลุ่มเหล็ก PAP AMC และ PERM

ส่วนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในวันนี้ยังเป็นกลุ่มเดินเรือ (PSL TTA) โดยค่าระวางเรือ (BDI) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 อีก 21 จุด (+2.77%) ปิดที่ 778 จุด และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจรากหญ้า SINGER KOOL JMART COM7 TK ได้ประโยชน์จากนโยบายปล่อยกู้แก้หนี้นอกระบบของภาครัฐมูลค่า 10,000 ล้านบาท

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : SelectiveBuy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : KKP (ซื้อ/เป้า 65.00 บาท), TISCO (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท), ราคาหุ้นปรับตัวลงเป็นโอกาสเข้าซื้อจาก Dividend yield ที่สูงขึ้น โดย TISCO จ่ายปันผล 3.5 บาท (Yield 5.2%) และ KKP คาดจ่ายปันผล 2.5-3 บาท (Yield 3.9% – 4.8%)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.พ.) ว่า ตลาดยังไร้ปัจจัยบวกใหม่หนุนตลาดหลังจากการรายงานผลประกอบการเริ่มทยอยประกาศ เย็นวันติดตามรายงานการประชุม FOMC ครั้งที่ผ่านมา เพื่อประเมินโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 15 มี.ค.นี้ หลังประธานเฟด 3 ท่านออกมาหนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ

กลยุทธ์การลงทุน ดัชนี SET มีโอกาสปรับฐานลงสู่ระดับ 1,550 – 1,560 จุด ระหว่างรอประเมินทิศทาง Fund Flow และผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยและนโยบายลดภาษีทรัมป์ แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร PERM (+สัญญาณบวกทางเทคนิค)

Back to top button