TU:กำไรกลับมาเติบโตในปี 2017แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 24 บาท

TU:กำไรกลับมาเติบโตในปี 2017 แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 24 บาท


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(23 ก.พ.) ว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU กำไรสุทธิไตรมาส4/59 เท่ากับ 902 ล้านบาท (+43.4% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, +19.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เป็นจุดต่ำสุดของปีตามคาด (เราคาดไว้ 859 ล้านบาท) หากไม่รวมผลขาดทุนจากธุรกิจที่ยกเลิก (ธุรกิจกองเรือ) 272 ล้านบาท, ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 181 ล้านบาท, เครดิตภาษีจาก Deferred Tax การลดอัตราภาษีเงินได้ในฝรั่งเศส 270 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายเรียกคืนสินค้า 88 ล้านบาท และการปรับรายการทางบัญชี 120 ล้านบาท จะมีกำไรปกติเท่ากับ 1,294 ล้านบาท (-20.4% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, -8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)

สาเหตุที่กำไรลดลงมาจากรายได้รวม -4.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 14% ใกล้เคียง ไตรมาส3/59 และ ไตรมาส4/58 แม้ธุรกิจปลาแซลมอนจะมีอัตรากำไรขั้นต้นพลิกสู่ระดับคุ้มทุนแล้ว แต่ภาพรวมราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและกุ้งปรับตัวสูงขึ้น

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับตัวสูงขึ้นทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ขึ้นมาอยู่ที่ 14.3% จาก 13.8% ในไตรมาส 4/58 และทรงตัวจาก 14.4% ใน ไตรมาส3/59 ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการ (ค่าใช้จ่ายซื้อ Red Lobster ส่วนใหญ่ถูก Capitalize เข้าเป็นสินทรัพย์) และมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น 35.2% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาระหนี้เข้าซื้อ Red Lobster

 ทั้งนี้ในไตรมาส 4/59 มีผลของการรวม Red Lobster เข้าในงบกำไรขาดทุนเป็นบวกที่ราว 58 ล้านบาท (เงินปันผลและการเครดิตภาษีสามารถหักล้างส่วนแบ่งขาดทุนและดอกเบี้ยจ่ายจากดีลนี้ได้ทั้งหมด) ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2016 เท่ากับ 5,254 ล้านบาท (ทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติเท่ากับ 5,380 ล้านบาท (-1.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยมีผลขาดทุนจากธุรกิจปลาแซลมอนราว 500 ล้านบาท

ปรับลดรายได้ปี 2017 ลง 7% เป็น 1.5 แสนล้านบาท (+14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่ประกาศวานนี้ในงานประชุมนักวิเคราะห์ จึงปรับลดกำไรปกติปี 2017 ลงราว 9% เป็น 6,617 ล้านบาท (+23% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)

 ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจาก 1) การฟื้นตัวของธุรกิจปลาทูน่า และคาดเห็นการฟื้นตัวของ Chicken of the Sea 2) คาดธุรกิจปลาแซลมอนจะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง และ 3) รวมกิจการใหม่เต็มปี โดยเฉพาะ Red Lobster ที่บริษัทจะรับรู้ทั้งเงินปันผลจากในอัตรา 8% ต่อปี และคาดจะพลิกกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster ได้ในปี 2017

ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 24 บาท จากเดิม 26 บาท (อิง PE เดิม 17 เท่า) มี Upside 22.4% และประกาศจ่ายปันผลงวด 2H16 หุ้นละ 0.31 บาท คิดเป็น Yield 1.6% (กำหนดขึ้น XD 6 มี.ค. และจ่ายเงิน 20 เม.ย.) มองผ่านกำไรต่ำสุดไปแล้วในปี 2016 จึงคงคำแนะนำซื้อ

Back to top button