SET บ่ายแกว่งตัว-รอดูแถลง “ทรัมป์”โบรกฯ ชู 3 หุ้น กำไรหรู – ปันผลเด่น

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (24 ก.พ.)ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ติดลบเกือบทุกตลาด จากแรงขายทำกำไรหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ ขณะเดียวกันต่างก็รอดูการแถลงของ “ทรัมป์” ต่อสภาคองเกรส ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ว่าจะมีการพูดถึงแผนการลดภาษีหรือไม่ ส่วนที่ราคาน้ำมันเด้งขึ้นก็ช่วยประคองกลุ่มพลังงานได้บ้างเล็กน้อย บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งคล้ายช่วงเช้า โดยดัชนีฯมีโอกาสเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,560 แนวต้าน 1,572 จุด

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ติดลบกันเกือบทุกตลาด จากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดฯไม่ได้มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา

ขณะเดียวกันต่างก็รอดูการแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อสภาคองเกรส ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ว่าจะมีการพูดถึงแผนการลดภาษีหรือไม่ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่เด้งขึ้นมาช่วยประคองกลุ่มพลังงานได้บ้างเล็กน้อย

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวคล้ายช่วงเช้า โดยดัชนีฯอาจจะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,572 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.พ.) SET เคลื่อนไหว “พักฐาน” ต่อเนื่องในกรอบแคลตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา และคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,560-1,578 จุด ต่อไป เน้นกลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูง โดยเฉพาะ KKP มองราคาที่ปรับลดลงวันนี้เป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วย Dividend yield ครึ่งหลังปี 59 ที่ 4 บาท/หุ้น หรือ dividend yield 6.1% รวมไปถึงกลุ่มหุ้นที่กำไรออกมาดี อย่าง WORK PLANB 

ในขณะเดียวกัน แนะนำ ซื้อ” WORK ด้วยเป้าหมายพื้นฐานใหม่ที่ 62 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มสื่อโดยตรง 2) กำไร WORK ไตรมาส 4/59 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 1/60-2/60 จาก Rating ที่ดีขึ้น โดยบางช่วงของ prime-time มี rating สูงเป็นอันดับ 2 รองจากช่อง 7 เพียงช่องเดียว และการขึ้นค่าโฆษณาตั้งแต่ต้นปี 2560 และ utilization rate 3) รายได้จากธุรกิจ on-line ผ่าน Youtube มีแนวโน้มมากกว่าที่คาดไว้เดิม จาก Rating ที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน และ 4) กำไรเติบโตเด่น เพิ่มขึ้น 192% ปีนี้เป็น 579 ล้านบาท และ เพิ่มขึ้น 41% เป็น 816 ล้านบาทในปี 2561 ขณะที่ถ้าพิจารณาในทางเทคนิคอิง TradeCode อยู่ที่ “Let Profit Run” เป้าหมาย 54.25 และถัดไปที่ 59.5 บาท ขณะที่สัญญาณทางเทคนิค 4 ใน 5 ตัวบ่งชี้ทิศทางขาขึ้นต่อไป

 

สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

CPF  มูลค่าการซื้อขาย 1,568.87 ล้านบาท ปิดที่  27.25 บาท ลดลง  1.00 บาท

BANPU   มูลค่าการซื้อขาย   895.82 ล้านบาท ปิดที่  19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

CBG   มูลค่าการซื้อขาย   695.04 ล้านบาท ปิดที่  65.00 บาท ลดลง  2.25 บาท

MTLS   มูลค่าการซื้อขาย   664.90 ล้านบาท ปิดที่  30.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

CK  มูลค่าการซื้อขาย   495.31 ล้านบาท ปิดที่  27.25 บาท ลดลง  0.75 บาท