TWPC กำไรก้าวกระโดด

นับเป็นการเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก เมื่อผลประกอบการปี 2559 ของ TWPC ประกาศออกมาเติบโตก้าวกระโดด


–คุณค่าบริษัท–

 

นับเป็นการเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก เมื่อผลประกอบการปี 2559 ของ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ประกาศออกมาเติบโตก้าวกระโดด

โดยผลการดำเนินงานงบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6,305.50 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,414.88 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจแป้งมันสำปะหลังทังในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ประกอบกับราคาหัวมันสำปะหลังที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักปรับตัวลดลง นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯยังมีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนสุทธิจากภาษีจำนวน 47 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 669.04 ล้านบาท หรือ 0.76 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 80.95 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น

ถือว่าในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นโดดเด่น นับอยู่ในช่วง High Season ซึ่งมาจากความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดหลังมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบหลายปี บวกกับอานิสงส์ของราคาวัตถุดิบที่อยู่ในระดับต่ำและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตนั่นเอง

สิ่งสำคัญ มีการวิเคราะห์กันว่า ปี 2560-2561 จะยังคงมีแนวโน้มผลประกอบการสดใส เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายกำลังการผลิตเมื่อปี 2559 ดังนี้ 1) วุ้นเส้นเพิ่มจากเดิมปีละ 22,000 ตัน เป็น 23,100 ตัน 2) เส้นก๋วยเตี๋ยวเพิ่มจากปีละ 1,100 ตัน เป็น 4,050 ตัน และ 3) แป้งมันสำปะหลังเพิ่มจากปีละ 330,000 ตัน เป็น 435,000 ตัน

นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้จัดตั้ง 2 บริษัทย่อย (TWPC ถือ 100% ทั้ง 2 บริษัท) ได้แก่ บจ. ทีดับบลิวพีซี อินเวสท์เมนท์ (กัมพูชา) เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และ บจ.ไทยวาเวียดนาม เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร (วุ้นเส้นและอื่นๆ) ซึ่งคาดจะเริ่มผลิตและขายสินค้าได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 60 อีกทั้งบริษัทยังมีแผนธุรกิจใหม่ๆ ได้แก่ 1) โครงการโรงไฟฟ้า Biogas จากกากมันสำปะหลัง และ 2) โครงการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์จากกากมันสำปะหลัง

ดังนั้นนักวิเคราะห์ คงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2560 และ 2561 TWPC จะมีกำไรปกติ 736 ล้านบาท และ 840 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ทาง บล.เออีซี มองว่า เพื่อสะท้อนศักยภาพเติบโตที่โดดเด่นต่อ จากการขยายกำลังผลิตและรุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังมีแผนธุรกิจใหม่ต่อยอดธุรกิจเดิมให้ครบวงจร บวกกับ ราคาหุ้นยังมี Upside 18% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 11.80 บาท (อิง PER 14 เท่า )

อีกทั้ง ล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรช่วงครึ่งหลังของปี 59 ที่ 0.21 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 2.1% (XD 27 เม.ย. และจ่ายปันผล 19 พ.ค. นี้) จึงคงแนะนำ “ซื้อ”

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.CHANG FUNG COMPANY LIMITED 89,093,634 หุ้น 10.12%

2.CREDIT SUISSE AG, SINGAPORE BRANCH 79,389,823 หุ้น 9.02%

3.บริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) 77,327,051 หุ้น 8.78%

4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 54,527,637 หุ้น 6.19%

5.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล คอมเมอร์เชียล ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด 34,708,545 หุ้น 3.94%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย โฮ กวงปิง ประธานกรรมการบริษัท

2.นาย เศรษฐ์ไสย เศรษฐการุณย์ รองประธานกรรมการบริษัท

3.นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

4.นาย โฮ เรน ฮวา กรรมการ

5.นาย อำนาจ สุขประสงค์ผล กรรมการผู้จัดการ

Back to top button