SET ไซด์เวย์ในกรอบ เก็ง 12 หุ้นร้อนมีปัจจัยหนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ และยังอยู่ในรูปแบบของการพักฐาน ขณะที่ตลาดรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ในวันที่ 28 แนะนำให้จับตาการปรับพอร์ตของ MSCI ที่จะมีการ Rebalance Port หลังจากที่เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่ให้ปันผลดีเป็นหลัก หรือเลือกเก็งกำไรในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.33 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ และยังอยู่ในรูปแบบของการพักฐาน ขณะที่ตลาดรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ในวันที่ 28 แนะนำให้จับตาการปรับพอร์ตของ MSCI ที่จะมีการ Rebalance Port หลังจากที่เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่ให้ปันผลดีเป็นหลัก หรือเลือกเก็งกำไรในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเลือก BANPU-MINT-IVL-ILINK-AIT-KKP-TISCO-KTB-WORK-PLANB-EASON และ SVOA

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (27 ก.พ.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ โดยให้กรอบแกว่งไว้ที่ 1,560-1,570 จุด โดยให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของไทยของเดือนมกราคม ที่ทางกระทรวงพาณิชย์จะแถลงในวันนี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะออกมาดี +8% แต่คงจะกระตุ้นตลาดได้ไม่มาก

เนื่องจากนักลงทุนระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 28 ก.พ.นี้ อีกทั้งราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลงด้วย แต่สังเกตได้ว่าราคาทองได้ปรับตัวขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกังวลบางอย่าง และตลาดสหรัฐฯก็ได้ปรับตัวขึ้นมา 16% แล้วนับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ส่วนบ้านเราก็ใกล้จะสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการปี 59 ของบริษัทจดทะเบียน            

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.พ.) ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา Fund Flow ในตลาดหุ้นแถบ TIP ยังชะลอตัว โดยต่างชาติขายสุทธิรวม – 70.4 M.USD ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ วันนี้ติดตามส่งออกไทย ม.ค. Consensus คาด +8.40% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน, วันอังคารถ้อยแถลงประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสภาคองเกรสเพื่อติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีผลกระทบต่อทิศทาง Fund Flow

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับดัชนี 1,550 – 1,560 จุด แนวต้าน 1,585 จุด ได้แรงหนุนเงินบาทแข็งค่า จากคาดการณ์เกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 8.8% ต่อ GDP แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน เพื่อรอประเมินปัจจัยใหม่ วันนี้แนะนำเก็งกำไร BANPU, MINT (+ MSCI เพิ่มน้ำหนัก) และ ILINK, AIT, SVOA (+ ชนะประมูลโครงการ Internet หมู่บ้าน)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.พ.) ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ +0.05% ปลายสัปดาห์ก่อน โดยนักลงทุนให้น้ำหนักต่อความชัดเจนต่อมาตรการภาษีเพิ่มขึ้นจากการแถลงการณ์ต่อสภาฯ ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ และอัตราการว่างานที่จะบ่งชี้ต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย Fed ในการประชุมเดือน มี.ค., พ.ค. หรือ มิ.ย. ขณะที่คาด SET จะ Sideways รูปแบบ “พักฐาน” ในกรอบ1,560-1,578 จุด

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นปันผลดี กำไรเด่นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ 1. หุ้นปันผลสูง 1) KKP ปันผล 2H16 ที่ 4.0 บาท/หุ้น หรือ 6.1% และคาดการณ์ปันผลปีนี้ที่ 7.4% 2) TISCO ปันผล 5.2% 3) KTB

และ 2. หุ้นกำไรเติบโต 1) WORK ปรับขึ้นค่าโฆษณาตั้งแต่ต้นปี, Utilization Rate ดีข้น แนวต้าน 58 บาท 2) PLANB เม็ดเงินโฆษณาเร่งตัว มีแหล่งรายได้ใหม่จาก sport marketing 3) EASON กำไรดีกว่าคาด ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนการเติบโตจากการขยายตลาดสีรถจักรยานยนต์ไป AEC

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.พ.) คงมุมมองเป็นกลาง คาด SET ยัง Sideway ในกรอบจำกัดเพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการลดภาษีครั้งใหญ่ของโดนัลทรัมป์ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ต้องติดตามการประกาศตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ม.ค. ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้ม GDP ไตรมาส 1/17 ของไทย และวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการประกาศงบปี 2016 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวประมาณ 20 – 25% อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสะท้อนปัจจัยนี้ไปแล้วจึงทำให้ตลาดมีความเสี่ยงจากแรงขาย Sell on Fact สร้างความผันผวนให้ตลาดในระยะสั้น

นอกจากนี้ในวันที่ 28 ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากการปรับพอร์ตของ MSCI ที่จะมีการ Rebalance Port หลังจากที่เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยและจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 ก.พ.2017 อย่างไรก็ตามมูลค่าในการเพิ่มน้ำหนักมีเพียงเล็กน้อยประมาณ 12 ล้านเหรียญจึงคาดว่าประเด็นนี้จะส่งผลบวกต่อ SET Index ไม่มาก ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จึงเป็นการรอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว และ Selective Buy เน้นหุ้นที่จ่ายปันผลและให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอาทิ หุ้นที่ MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน(BANPU MINT) และหุ้นที่ได้ประโยชน์หาก ทรัมป์ ลดภาษี อาทิ IVL

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : SelectiveBuy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : IVL (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท) IVL เป็นบริษัทไทยที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากแผนลดภาษีของสหรัฐ โดยทุกๆ 5% ที่สหรัฐลดภาษีจะเพิ่มกำไรสุทธิให้กับ IVL ประมาณ 3-5%

Back to top button