ว่ากันทีละช็อต! โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยามนี้เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นในการลงทุน ส่งผลให้ดัชนีมีการเคลื่อนตัวในลักษณะซึมลงอย่างต่อเนื่อง จนเกิดจุดต่ำสุดใหม่ทุกสัปดาห์แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นโพสิชั่นที่ค่อนข้างน่ากลัว เพราะมันหมายความว่า มีแต่คนทิ้งหุ้นเพื่อไปรอช้อนซื้อหุ้นในราคาถูกลงกว่าเดิม ความหวังที่จะได้ลงจากดอยเลยไม่มีกำหนดไงล่ะค่ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยามนี้เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นในการลงทุน ส่งผลให้ดัชนีมีการเคลื่อนตัวในลักษณะซึมลงอย่างต่อเนื่อง จนเกิดจุดต่ำสุดใหม่ทุกสัปดาห์แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นโพสิชั่นที่ค่อนข้างน่ากลัว เพราะมันหมายความว่า มีแต่คนทิ้งหุ้นเพื่อไปรอช้อนซื้อหุ้นในราคาถูกลงกว่าเดิม ความหวังที่จะได้ลงจากดอยเลยไม่มีกำหนดไงล่ะค่ะ
*ที่สำคัญคือ ตลาดหุ้นกำลังรอดูนโยบายของ “ทรัมป์” ที่จะประกาศออกมา “เป็นคุณ” หรือ “เป็นโทษ” ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่มีผลต่อการขยับตัวของดัชนีในช่วงกลางสัปดาห์ “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักลงทุนโฟกัสรูปแบบการลงทุนให้แคบลง เพราะดัชนีจะวิ่งขึ้นอย่างร้อนแรงก็ต่อเมื่อมีเงินทุนไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงจะมีโอกาสเห็นดัชนีขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุดอีกรอบนะคะ
*ก่อนจะมโนไปถึงตรงนั้น “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ผู้เล่นหันมาดูการอ่อนตัวของดัชนีลงมายืนที่ 1,558.03 จุด ลบไป 6.56 จุด ด้วยมูลค่า 3.71 หมื่นล้านบาท มันสะท้อนให้เห็นว่า นักเล่นบางส่วนเริ่มชะลอการลงทุน มูลค่าการซื้อขายถึงเริ่มเบาบางอีกครั้ง และถ้าดูการแกว่งตัวลงมาเรื่อยๆ จนใกล้จะทดสอบแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,550 จุด ย่อมเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของตลาดหุ้นไทย..หากยืนได้ จะรีบาวด์ หากยืนไม่ได้ จะลงไป 1,530 จุด และอาจเลยเถิดไปถึง 1,500 จุดอีกด้วยนะจ๊ะ
*ประเด็นข้างต้นคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของ CBG ซึ่งนักเล่นตั้งความหวังเกี่ยวกับกำไรไว้ค่อนข้างสูง พอประกาศออกมาจริงไม่โดดเด่นโดนใจวัยโจ๋ หุ้นถึงค่อยๆ ไหลจากเพดาน 80 บาท จนล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ 64.50 บาท ด้วยมูลค่า 1.33 พันล้านบาท โดยเป็นการเทรดบนค่า P/E 43 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการซื้ออนาคตที่นักเล่นต้องคิดต่อไปว่า หากปี 60 กำไรเติบโตได้อีก 10% ราคาเป้าก็อยู่แถวนี้แหละ..มันคุ้มที่จะเสี่ยงไหมค่ะ
*เหมือนกับในรายของ PERM ประกาศกำไรปี 59 เลิศสะแมนแตน แต่กลับโดนกระหน่ำเทขายไม่ยั้ง จนหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 4.44 บาท ลบไป 0.96 บาท หรือลงไป 17.80% ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท มันอธิบายด้วยคำว่า sell on fact ถัดจากนี้เป็นเรื่องของอนาคตล้วนๆ ไม่ต้องกลับมาพูดถึงเรื่องเก่าให้เสียเวลา จึงต้องถามว่า ปี 60 กำไรจะแจ่มเหมือนปี 59 ไหม?
*ส่วนในรายของ SVI มีปัญหาเกี่ยวกับรายได้และกำไรไม่ตรงตามเป้า จึงโดนเทขายอย่างหนักหน่วง จนหุ้นรูดลงมาปิดที่ 5.55 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 7.50% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่ต้องเซ็ทใหม่อีกรอบ เพราะในช่วงที่ผลงานของบริษัทเข้าตากรรมการ ราคาดีสุดก็อยู่แค่บริเวณ6 บาทเท่านั้นเอง เดี๊ยนถึงเชื่อว่า หุ้นจะลงไปตั้งหลักบริเวณ 5 บาท หรืออาจลงไปถึง 4.50 บาทก็เป็นไปได้ เพราะเรื่องมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว..อิอิอิ
*สำหรับในรายของ CK ก็มีลักษณะคล้ายกับรายข้างต้นนิดๆ หน่อยๆ แต่ต่างกันตรงที่โดนเทขายมานานระยะหนึ่ง จนวานนี้รูดลงมากองอยู่ที่ 26.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่า 950 ล้านบาท พร้อมกับโค้งตัวลงอย่างชัดเจนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะต้องถอยเพื่อขยับตัวเองออกไปดูเชิงห่างๆ เพราะมูฟเม้นท์เรื่องการเติบโตขายไม่ออกชั่วคราวนะซี
*เหมือนกับในรายของ BDMS ถูกสาดหุ้นทิ้งออกมาเป็นระลอก จนเกิดอาการเสียศูนย์อย่างหนัก “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากฝรั่งตาน้ำข้าวไม่เอา กองทุนตัวแสบไม่อยากเล่น หุ้นเลยไม่รู้จักคำว่าขึ้นเป็นอย่างไรมาระยะหนึ่ง เพราะขาดเจ้าภาพหลักในการทำราคา วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 20.40 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 512 ล้านบาท แถมเป็นการปิดตรงจุดเด้งกลับครั้งก่อนแบบนี้..วันนี้หุ้นก็ควรขึ้นเสียที หากขึ้นไม่ได้ ม้วนเสื่อเลยค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” อยากให้ดูหุ้น CPF เพื่อเป็นวิทยาทานในการลงทุนสักหน่อย เพราะสิ่งที่สัมผัสได้ในเที่ยวนี้คือ หุ้นเด้งตรงจุดนัดพบแบบเหมาะเจาะ มันทำให้ภาพของหุ้นน่าสนใจมากขึ้นเป็นกอง บวกกับผลงานปี 59 ก็เข้าตากรรมการทุกช็อต หุ้นถึงเด้งขึ้นมาปิดที่ 27.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 770 ล้านบาทแบบนี้ ราคาเป้า 30 บาทไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ
*ตบท้ายกันที่เรื่องวุ่นๆ ของหุ้น IFEC เพื่อทำให้รู้ว่า “หมอวิชัย” เป็นผู้บริหารประเภทหัวดื้อหัวรั้นคนหนึ่งในแวดวงตลาดหุ้น เพราะจนป่านนี้ยังไม่ยอมแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่อย่างเป็นทางการสักทีทั้งที่มีการกำหนดเวลาไว้ทั้งสิ้น 14 วันเพื่อจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับส่งรายชื่อกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้กับ ก.ล.ต. กับ ตลท. จนป่านนี้กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย..ทำไมทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลยล่ะค่ะ
*ผลดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และคงถึงเวลาที่คนของสำนักงาน ก.ล.ต. ต้องเรียกคุณหมอจอมป่วนไปปรับทัศนคติ เพื่อทำให้รู้ว่า การเป็นผู้บริหารที่ดีต้องรู้จักทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่มัวแต่คิดเข้าข้างตัวเองตลอดเวลาว่า คนอื่นแย่หมด! วันนี้ก็เลยไม่มีอะไรชัดเจนสักเรื่อง (เจ้าหนี้บอกว่า ยังไม่ได้คุยกับหมอสักที) หรือคิดว่า ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก็ควรจะหลีกทางให้คนอื่นเข้ามาทำแทนง่ายกว่านะคะ