สอยยัง! 14 หุ้น Big-Mid-Small Cap เน้นกำไรโตเด่น-ยีลด์สูง
ช่วงนี้ใกล้สิ้นสุดช่วงประกาศงบไตรมาส 4/59 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งจะตรงกับช่วงเช้าวันนี้เวลา 9.00 น. ตามเวลาไทย โดยคาดทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลในวันดังกล่าว
ช่วงนี้ใกล้สิ้นสุดช่วงประกาศงบไตรมาส 4/59 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งจะตรงกับช่วงเช้าวันนี้เวลา 9.00 น. ตามเวลาไทย โดยคาดทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลในวันดังกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์คาดนอกจากมาตรการปฏิรูปภาษีแล้วคาดทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค และการยกเลิกกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์อเมริกาในวันดังกล่าวเช่นกัน
จากปัจจัยดังกล่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมหาข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุนและให้เข้ากับบรรยากาศมานำเสนอ โดยอาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของ บล.เออีซี ซึ่งระบุว่า ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบและมีโอกาสพักฐานหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่จึงคงแนะนำ “เทรดดิ้งในกรอบ/ขึ้นขาย-ลงซื้อ” โดยมีกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจคือ
1) กลุ่ม Big Cap. ที่กำไรปกติยังโตปีนี้ ได้แก่ IVL, GLOBAL, ROBINS,WHA
2) กลุ่ม Mid-Small Cap. ที่โตเด่นปีนี้ ได้แก่ JWD, WICE, SAWAD, WORK, MAJOR
3) กลุ่มที่จ่ายDiv. yield ล่าสุดเกิน 4% ได้แก่ AIT, ASK, ASP, TKS, NYT
สำหรับหุ้นกลุ่ม Big Cap. ที่กำไรปกติยังโตปีนี้ ได้แก่ IVL, GLOBAL,ROBINS,WHA โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
สำหรับบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ IVL บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 เติบโต 9-10% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้ 2.63 แสนล้านบาท ตามกำลังการผลิตรวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้น 10% จากการเข้าซื้อกิจการ 2 แห่งในปี 59
บริษัทวางงบลงทุนในช่วงปี 60-63 ไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงโรงงานเอทิลีนแครกเกอร์ โครงการขยายกำลังการผลิต PTA ในเมืองร็อตเตอร์ดัม รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ในประเทศจีน พร้อมทั้งมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจเดิม ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาและพิจารณาโครงการต่างๆ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดได้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ปีนี้คาดกำไรโตต่อ +31% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายสาขา, ปรับ Product mix, เพิ่มสินค้า House brand ยังคงแนะนำ “ซื้อ” คงราคาพื้นฐาน 22.00 บาท
ส่วนบริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)หรือ ROBINS รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 2.82 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.15 พันล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ WHA ให้ราคาพื้นฐานเป็น 3.41 บาท โดยกำไรปี 59 เพิ่มก้าวกระโดด 48%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนบริษัทประกาศปันผลปี 59 ดีเกินคาดเป็น 0.1536 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 5% XD 4 พ.ค. จ่าย 23 พ.ค.60
พร้อมคาดการณ์กำไรหลักปีนี้อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะขายสินทรัพย์เข้าสู่ REIT น้อยลง แต่จะมีรายได้ขายนิคม บริการจาก WHAUP ลดดอกเบี้ยจ่ายมาช่วยชดเชย บริษัทเริ่มสู่ตลาดคลังสินค้าให้เช่าที่เวียดนาม รวมทั้งธุรกิจใหม่ ๆ คือ ไฟฟ้าขยะ และคลาวด์
ด้านกลุ่ม Mid-Small Cap. ที่โตเด่นปีนี้ ได้แก่ JWD,WICE,SAWAD,WORK,MAJOR โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่าบริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW ช่วงไตรมาส 4/59 กำไรโต 7.2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหนุนปี 59 โต 6.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนปี 60-61 คาดโตต่อปีละ 15% หลังคาดเป็นผู้ได้ประโยชน์จากอุตฯ ท่อร้อยสายไฟที่มีแนวโน้มสดใสตามการลงทุนภาครัฐ + Upside 17% และมีเงินปันผล 0.40 บาท (XD 4 พ.ค.) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 19.60 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ประเมินอัตรากำไรขั้นต้นปี 2560 ไว้ที่ 27% สูงกว่าปี 2559 ที่ 25.50% เป็นผลจากรายได้ในส่วนของการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนจากการซื้อกิจการ SEL ที่จะเข้ามาทั้งปี โดยประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 110.40 ลดลงจากเดิมที่ 135 ล้านบาท เป็นผลจากค่าใช้จ่ายดังกล่าวและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น
ประเมินราคาพื้นฐานโดยใช้ P/E 25 เท่า คิดเป็น PEG 0.58 เท่า โดยคิดจากฐานกำไรปี 2560 ได้ราคาพื้นฐานที่ 4.25 บาท ลดลงจากเดิมที่ 5.16 ตามประมาณการกำไรที่ลดลง คงคำแนะนำ ซื้อ บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งราคาพื้นฐานดังกล่าวยังไม่รวมการหาช่องทางแบบ Inorganic growth ที่รวมถึงการทำ M&A เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเติบโตที่สำคัญของบริษัท
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD แนะนำ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท/หุ้นเนื่องจาก 1)สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งจากอุปสงค์สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในตลาดรากหญ้าที่ธนาคารคเข้าไม่ถึง , 2)เป็นบริษัทให้บริการสินเชื่อครบวงจร (อีกทั้งมีธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่จะเริ่มหนุนกำไรปีนี้),3)ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะสูงคงจากปีก่อนและมีสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่น่าพอใจ และ4)มีโอกาสเติบโตอีกหลายปีโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเนื่องจากมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำเพียง 2.2x เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยของสถาบันการเงินที่ 10x เท่า
ส่วน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ประกาศจ่ายปันผล 0.27 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 57% XD วันที่ 7 มี.ค.จ่ายวันที่ 3 พ.ค. มองว่ากำไรไตรมาส 1/60 จะฟื้นตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและพลิกกลับมาเป็นกำไร เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาตั้งแต่ในเดือน ธ.ค. ต่อเนื่องมา ม.ค. ในปีนี้
ประกอบกับเรตติ้งของ WORK ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหนุนโดยรายการใหม่ที่กระแสตอบรับดีมาก เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มดิจิตอลทีวีในระยะยาว หากทว่า ณ ราคาหุ้นในปัจจุบัน เราแนะนำรอจังหวะราคาเข้าซื้อที่ต่ำกว่านี้ ยังคงคำแนะนำถือราคาเป้าหมาย 50.50 บาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่าบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ MAJOR ในช่วงไตรมาส 1/60 คาดว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เพราะมีภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดถึง 14 เรื่องที่มีศักยภาพเข้าฉาย โดยมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ได้รับความสนใจมากรวมอยู่ด้วย คาดว่าจะทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท/เรื่อง และยังมีภาพยนต์ไทย 1 เรื่องที่มีโอกาสทำรายได้หลัก 100 ล้านบาท
นอกจากนั้นคาดว่ายังมีโปรแกรมภาพยนต์ฟอร์มยักษ์หลาย ๆ เรื่องตลอดทั้งปีนี้ที่เตรียมเข้าฉาย และการเพิ่มจำนวนโรงฉายมากกว่า 70 โรง/ปี จากปัจจุบันมีจำนวนโรงภาพยนต์ทั้งสิ้น 678 โรง จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรของ MAJOR ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิของปีนี้จะอยู่ที่ 1.24 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 1.18 พันล้านบาท
ส่วนกลุ่มที่จ่ายDiv. yield ล่าสุดเกิน 4% ได้แก่ AIT,ASK,ASP,TKS,NYT โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 1.50 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 19 เม.ย.2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พ.ค. 2560
บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ ASK ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 0.209278 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 6 มี.ค.2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย.2560
บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ ASP ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 1.40 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 8 มี.ค.2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พ.ค. 2560
บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 และกำไรสะสมเป็นเงินสดจำนวน 0.50 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 16มี.ค.2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พ.ค. 2560
บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 0.60 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 8 พ.ค. 2560และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พ.ค.2560
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน