ม.44 บนระบอบอัมพาต ทายท้าวิชามาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึก แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ตามมาตรา 44 แทน โดยลงทุนกลัดกระดุมเสื้ออธิบายนักข่าวฝรั่งว่าประชาธิปไตยไทยมีความผิด ต้องกลัดกระดุมใหม่อยู่ร่ำไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึก แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ตามมาตรา 44 แทน โดยลงทุนกลัดกระดุมเสื้ออธิบายนักข่าวฝรั่งว่าประชาธิปไตยไทยมีความผิด ต้องกลัดกระดุมใหม่อยู่ร่ำไป
ฝรั่งจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ คำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสิทธิเสรีภาพไม่ลดลง เพราะท่านเพิ่งตอบโต้นักข่าวถึงขั้นจะให้ทหารไปตรวจสอบประวัติ ว่าเดือดร้อนอะไรกับอัยการศึก การยกเลิกทั้งที่ไม่ยอมรับว่าอัยการศึกมีปัญหา สะท้อนว่ารัฐบาล คสช.ก็จะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จต่อไป เพียงแต่เลี่ยงบาลี Martial Law ไปใช้ Article 44 เท่านั้นเอง
ขำรัฐมนตรีโตชิบ้า โฆษณาทันใจว่าเลิกกฎอัยการศึกจะนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต นักท่องเที่ยวไหลมาเทมา อ้าว…ก่อนหน้านี้ก็ไม่ยอมรับว่ากฎอัยการศึกมีปัญหา แล้วจะไหลมาเทมาได้ไง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ พล.อ.ประยุทธ์พูดชัดว่าจะไม่ใช้มาตรา 44 เฉพาะเรื่องการเมือง แต่จะเอา “ดาบอาญาสิทธิ์” มาใช้แก้ปัญหาประเทศด้วย เช่น ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องกรมการบินพลเรือน หรือเรื่องชาวบ้านบุกรุกป่า แล้วก็น่าจะใช้ในเรื่องอื่นๆ ต่อไป
นั่นแปลว่าท่านจะใช้อำนาจ 2 ด้านควบกัน คืออำนาจนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศตามปกติ กับย้อนไปใช้อำนาจหัวหน้าคณะรัฐประหาร ผู้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ยามที่เจอปัญหาติดขัดขัดอกขัดใจทำเพื่อชาติบ้านเมืองไม่ได้ดังใจ
ดูเผินๆ ก็เป็นเรื่องดีที่จะแก้ปัญหาประเทศได้ฉับไวทันอกทันใจ แต่ไม่ประหลาดใจหรือว่า ทำไมต้องใช้มาตรา 44 ทำไมไม่ใช้อำนาจปกติ ที่ท่านก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่แล้ว ในการแก้ปัญหาผ่านคณะรัฐมนตรีที่ท่านเลือกเฟ้นคนดีคนเก่งมากับมือ หรือผ่านกระทรวงทบวงกรม ที่ท่านก็แต่งตั้งโยกย้ายจนเกลี้ยงกรุ จนได้คนที่เชื่อฟังคำสั่ง หรือถ้าจะออกกฎหมาย ก็ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีสภาเดียว เป็นสภาที่ท่านแต่งตั้งและมีทหารกึ่งหนึ่ง
ผ่านมา 6 เดือน ถามว่ากลไกที่ท่านตั้งกับมือใช้การไม่ได้หรือ จึงต้องกลับไปใช้อำนาจหัวหน้าคณะรัฐประหาร
คำตอบน่าจะชัดเจนอยู่แล้ว ระบอบที่บริหารอยู่ไม่ได้ดังใจ แต่จะเป็นเพราะคณะรัฐมนตรีไม่ได้ดังใจ (จนมีข่าวลือปรับ ครม.) หรือเพราะกระบวนการไม่ทันใจ หรือเพราะระบบราชการล่าช้า ผลักดันนโยบายไม่ได้ งบประมาณไม่เดิน ฯลฯ กลับไปสั่งแบบทหารดีกว่า ข้อนี้ท่านคงรู้ดีกว่าใคร
ที่แน่ๆ ปัญหาระบบราชการไร้ประสิทธิภาพ ที่ ดร.วิรไท สันติประภพ เรียกว่า “ระเบิดเวลาประเทศไทย” ก็เห็นชัดเจนอย่างกรณีกรมการบินพลเรือน ซึ่งจะโทษรัฐบาลก่อนๆ ก็คงได้แต่โทษได้ไม่เต็มปาก เพราะท่านบริหารมา 10 เดือน งบประมาณ 2558 ก็จัดเอง อธิบดียังออกมาบอกว่างบน้อยเจ้าหน้าที่ไม่พอ แล้ววิธีแก้ปัญหาที่อธิบดีเสนอก็น่าหัวเราะ เช่น จะให้นายกฯ โทรขอร้องนายกฯ ญี่ปุ่น
แต่การเจอปัญหาไม่สามารถบริหารงานบนระบอบที่เป็นอัมพาต แล้วจะกลับมาใช้รัฏฐาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกเสมอไป อยู่ที่เลือกใช้อย่างไร การใช้มาตรา 44 อาจดูดีในบางเรื่อง เหมือนตอนรัฐประหาร “คืนความสุข” ใหม่ๆ เช่น ถ้าใช้แก้ปัญหาประชาชนได้ฉับไวทุกคนก็พอใจ แต่ถ้าเรื่องขัดแย้งอ่อนไหว มีข้อถกเถียงที่ยังไม่สามารถสรุป ถ้ากลับไปใช้อำนาจฟันฉับ ก็จะเรียกแขกเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์มีคนต่อต้านอีกเยอะเลย