ดอลล์ปรับลงหลังข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐอ่อนแอ

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยมีแรงกดดันจากข้อมูลจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐที่อ่อนแอ และการปรับตัวขาลงของกิจกรรมภาคการผลิต


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยมีแรงกดดันจากข้อมูลจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐที่อ่อนแอ และการปรับตัวขาลงของกิจกรรมภาคการผลิต

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0764 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0742 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4826 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4845 ดอลลาร์สหรัฐ, ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.61 เยน เทียบกับระดับ 119.95 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9664 ฟรังก์ จาก 0.9723 ฟรังก์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7600 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7612 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรงในสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 189,000 รายในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ราย

ส่วนสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยในรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตในเดือนมี.ค.ลดลงแตะ 51.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2556 จาก 52.9 ในเดือนก.พ. โดยเป็นปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ดังกล่าวได้จุดปะทุความวิตกที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ อาจจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง

ด้านสกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 11 วันเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจจากยูโรโซนแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดยมาร์กิตเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.2 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 10 เดือน จากระดับ 51.0 ในเดือนก.พ. และยังสูงกว่าตัวเลขการประเมินเบื้องต้นที่ 51.9

Back to top button