RICH ปิดตำนานหลุมดำ
ชีวิตมีทางออกอยู่เสมอ ถ้าคิดจะหาทาง แม้จะเป็นทางออกที่เจ็บปวดก็ตาม
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ชีวิตมีทางออกอยู่เสมอ ถ้าคิดจะหาทาง แม้จะเป็นทางออกที่เจ็บปวดก็ตาม
กรณีของ บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICH หุ้นเหล็กที่มีปัญหาขาดทุนเรื้อรังมายาวนาน ก็เป็นการหาทางออกสุดท้าย ขอเข้ารับความช่วยเหลือจากศาลล้มละลายกลาง หลังปิดงบการเงินปีล่าสุด
เพียงแต่ก่อนที่จะขอเข้ารับความช่วยเหลือ RICH ก็ได้ถูกตลาดขึ้นเครื่องหมายหยุดการซื้อขายไปแล้ว
วันพุธที่ 1 มีนาคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขาย หุ้น RICH ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2560 จนกว่าตลาดหลักทรัพย์ฯจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ไม่เกิน 7 วันทำการ หรือภายในวันที่ 9 มีนาคม 2560 หลังจากพบว่า ฐานะการเงินเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
วันที่ 6 มีนาคม RICH ได้แจ้งว่าในการประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2560 เวลา 13.30 น.นั้น ได้มีมติคณะกรรมการ ในเรื่องที่มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
– มีมติให้บริษัทแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนดังกล่าวด้วยวิธีการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย
– การดำเนินการดังกล่าว มีสาเหตุจากบริษัทเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ และต้องดำเนินการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามเงื่อนไขที่กำหนด กอปรกับปัญหาของลูกหนี้ของบริษัทด้อยคุณภาพทำให้บริษัทอยู่ในภาวะที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
– บริษัทยื่นฟื้นฟูกิจการในวันที่ 6 มีนาคม 2560 และร้องขอให้ศาลอนุมัติให้บริษัทเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยให้อำนาจ หน้าที่และความรับผิดในฐานะผู้ทำแผนตกเป็นของคณะกรรมการบริษัทที่มีชื่อตามหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 6 มีนาคม 2560 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ.13/2560 และ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้แล้วเช่นกัน โดยกำหนดนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 29 พฤษภาคม 2560
– คณะกรรมการมีมติให้บริษัทแจ้งยกเลิกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ในวันที่ 28 เมษายน 2560
ทั้งหมดนี้ ถือว่าจบไปหนึ่งเปลาะ ที่ยังไม่จบคือยังไม่มีใครรู้ว่า ศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติเห็นชอบให้ RICH เป็นผู้บิรหารแผนเองตามที่ขอหรือไม่ เพราะต้องถามเจ้าหนี้ก่อน…หากเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ ไม่ยินยอม ก็ต้องมีภาคต่อไปอีก
พฤติกรรมการยอมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อฟื้นฟูกิจการของ RICH พยายามดำเนินตามรอยของบริษัทเหล็กอย่าง สหวิริยา สตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ไม่ผิดเพี้ยน
คำถามคือ เจ้าหนี้ของ RICH จะใจดี พร้อมอุ้มชูต่อไปแบบเดียวกับ SSI หรือไม่… ต้องรอดูกันรอบต่อไป
การยอม “มอบตัว” ดังกล่าวต่อศาลล้มละลายกลางของ RICH ถือว่าเสมือนหนึ่งการถอนตัวออกจากหลุมดำแห่งการขาดทุนมายาวนานของบริษัทนี้ ที่ดำเนินมายาวนานจนเป็นตำนาน ละมาถึงฟางเส้นสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560 ที่บริษัทได้รับหนังสือแจ้งการผิดนัดชำระหนี้จากเจ้าหนี้ธนาคารแห่งหนึ่ง และได้เรียกให้บริษัทชำระเงินค้างชำระต้นเงินจำนวน 537.75 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงค้างคิดเพียงวันที่ 10 ม.ค.60 จำนวน 268.12 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 805.86 ล้านบาท ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 26 ม.ค.60
ในอดีต ปัญหาเรื่องผิดนัดชำระหนี้ของ RICH ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะบริษัททำธุรกิจเหล็ก และขาดทุนจากการดำเนินงานมาตลอด 5 ปีหลังสุด (แม้จะมีกำไรพิเศษเป็นครั้งคราวมาช่วย) ชนิด “ซ้ำซากที่แผลเดิม” เพราะผู้บริหารบริษัทนี้ ยังเดินหน้าสร้างผลขาดทุนมากกว่ากำไรมาตลอด ไม่มีท่าทีว่าจะเกิดจุดเปลี่ยนทางธุรกิจเกิดขึ้น
ภาพลักษณ์ของ RICH ที่ผ่านมาหลายปี จึงไม่ใช่หุ้นพื้นฐาน แต่เป็นหุ้นที่พร้อมตกเป็นเหยื่อของมันนี่ เกม ที่บรรดา “ขาใหญ่” ผลัดเวียนกันเข้ามาหวังหากำไรเข้ากระเป๋า
เพียงแต่ผลข้างเคียงของการถูกเรียกให้บริษัทชำระหนี้คงค้างเมื่อต้นเดือนมกราคม ถือว่าเลวร้ายอย่างมาก เพราะเป็นเหตุให้มีหนี้ผิดชำระทั้งหมด 5 รายการ มูลค่ารวม 2.06 พันล้านบาท คิดเป็น 54.15% ของสินทรัพย์รวม เมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมตามงบการเงิน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 ประกอบด้วย
1) มูลหนี้รวมดอกเบี้ย 805.86 ล้านบาท จากเจ้าหนี้ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศ โดยเริ่มผิดนัดชำระหนี้วันที่ 31 ต.ค.59 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก
2) ตั๋ว B/E วงเงิน 20 ล้านบาท จากผู้ลงทุนรายหนึ่ง เริ่มผิดนัดชำระหนี้เมื่อวันที่ 31 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอชำระหนี้
3) หุ้นกู้ วงเงิน 500 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้รายย่อย เริ่มผิดนัดชำระเมื่อวันที่ 11 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ และผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ธนาคาร
4) หุ้นกู้ วงเงิน 230 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้รายย่อย เริ่มผิดนัดชำระเมื่อวันที่ 11 ม.ค.60 เนื่องจากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ และผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ธนาคาร
5) ตั๋ว B/E ที่เหลืออยู่แต่ยังไม่ถึงกำหนดชำระวงเงิน 105 ล้านบาท จากผู้ลงทุนรายย่อย 5 ราย โดยมีกำหนดชำระมูลหนี้ 15 ล้านบาท ในวันที่ 27 ก.พ.60, ชำระ 40 ล้านบาท ในวันที่ 28 ก.พ.60, ชำระ 30 ล้านบาท ในวันที่ 2 มี.ค.60 และชำระ 20 ล้านบาท ในวันที่ 24 เม.ย.60
ตอนนี้ ตำนานแห่งหลุมดำของ RICH จบลงไปแล้ว แต่อนาคตว่าจะมี “หลุมขาว” หรือไม่ ยังไม่มีคำตอบ ต้องถามใจเจ้าหนี้เสียก่อน