SQ อนาคตสดใส! แบ็คล็อกแตะ 4 หมื่นลบ. พี/อีต่ำกลุ่ม-อัพไซต์สูง
SQ อนาคตสดใส! รับงานใหม่ผลิตแร่ดิบในเมียนมารดัน Backlog แตะ 4 หมื่นลบ. – ลุ้นประมูลงานโครงการแม่เมาะ 9 กลางปีนี้ ชู พี/อี ต่ำกลุ่ม แถมอัพไซต์เพียบ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ หลังจากสังเกตุเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) โดยปิดที่ 5.85 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.71% สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้น คาดว่ามาจากการที่บริษัทได้ลงสัญญาจ้างรับเหมาผลิตแร่ดิบในเมียนมาเป็นเวลา 7 ปี มูลค่ากว่า 3.7 พันล้านบาท
โดยประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมียอด Backlog สูงถึง 4 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่มั่นคงไปอีก 10 ปี อีกทั้งบริษัทมีโอกาสชนะงานประมูลโครงการแม่เมาะ 9 ซึ่งจะเปิดประมูลในกลางปีนี้ด้วย ขณะที่ P/E ยังต่ำกว่ากลุ่ม ล่าสุด ณ วันที่ 8 มี.ค.60 P/E อยู่ที่ 19.43 เท่า ขณะที่ P/E กลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง อยู่ที่ 24.80 เท่า
ทั้งนี้ SQ ระบุว่า บริษัทได้ร่วมลงนามในสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดิบ (ดีบุก) กับบริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง เพื่อดำเนินการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแร่ดิบ ณ เหมืองเฮนดรา เมืองเมตตา ทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นเวลา 7 ปี มูลค่าโครงการ 3,672 ล้านบาท
สำหรับขอบเขตงาน ประกอบด้วย งานขุดขนหน้าดินและกระสะ, งานขุดขนแร่ดิบ, งานบริหารการแต่งแร่, งานขนหางแร่จากโรงแต่งแร่ไปยังที่ทิ้งดิน และงานจัดการแร่ดิบและการพัฒนาปรับปรุงโรงแต่งแร่ เพื่อให้ได้ผลผลิตของแร่ดิบปริมาณ 1,800 ตัน/ปี ในปีที่ 1 และปริมาณ 2,100 ตัน/ปี ในปีที่ 2 ถึงปีที่ 7
โดยบริษัทจะเริ่มดำเนินงานภายใน 60 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่าผู้ว่าจ้างได้รับการต่ออายุประทานบัตรเหมืองจากสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา และได้รับอนุญาตให้นำเข้าเครื่องจักรภายใต้การส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการลงทุนแห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา
ด้าน นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SQ เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ขยายตลาดในภูมิภาค CLMV อันประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียตนามอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวานนี้บริษัทได้เซ็นสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดีบุก ที่เหมืองดีบุก จังหวัดทวาย ในเมียนมา โดยมีปริมาณการผลิตแร่ดีบุกปีละประมาณ 2,100 ตัน ซึ่งแหล่งดีบุกแห่งนี้ จากการสำรวจทางธรณีวิทยาพบว่า เป็นแหล่งดีบุกขนาดใหญ่ของโลกแห่งหนึ่งที่มีปริมาณแร่ดีบุกจำนวนมาก รองรับการทำเหมืองอีกกว่า 30 ปี
โดยการรับงานโครงการเหมืองดีบุกนี้ เป็นความสำเร็จของ SQ ในการเปิดตลาดงานเหมืองในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติหลายประเภทและทำให้ปริมาณงานในมือ (Backlog) ของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปอีก 10 ปี ซึ่งประกอบด้วย งานเหมืองถ่านหินแม่เมาะสัญญา 8 และสัญญา 7 กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย งานเหมืองถ่านหินหงสาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) กับบริษัทไฟฟ้า หงสา จำกัดในกลุ่มบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP และงานรับสัมปทานเหมืองแร่ดีบุก
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” SQ ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท/หุ้น มองแนวโน้มผลประกอบการของ SQ จะเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี โดยคาดกำไรในช่วงต้นปีจะสามารถยืนอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่องจากแนวโน้มการรับรู้ฐานรายได้ของโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/59
ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดตั้งแต่ช่วงกลาง – ปลายไตรมาส 2/60 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเหมืองดีบุกในพม่าซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ได้อีกปีละกว่า 500 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรทั้งปีในปีนี้ขึ้น 43% เป็น 485 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50.4% จากปีก่อน) เพิ่มขึ้นจากการปรับสมมติฐานปริมาณขุดดินและถ่านหินที่สูงขึ้นในโครงการแม่เมาะ 8 ราว 20% ขณะที่ในปีถัดไปคาดจะเติบโตได้ที่ 630 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน) ซึ่งเป็นผลมาจากการลงเครื่องจักรใหญ่เพื่อขุดดินอย่างเต็มประสิทธิภาพในงานแม่เมาะ 8
ทั้งนี้มอง SQ มีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นบริษัทรับเหมาที่ยังมีรายได้ค่อนข้างมั่นคงต่อเนื่องระยะยาว โดย ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมี backlog รอรับรู้รายได้กว่า 3.86 หมื่นล้านบาท ที่จะถูกทยอยรับรู้เป็นรายได้ถึง 9 – 10 ปี ขณะที่บริษัทมีโครงการขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างการลงนาม 1 โครงการคือโครงการทำลานเทกองถ่านหินของโรงไฟฟ้าเซกองในประเทศลาว (คาด backlog ประมาณ 1 พันล้านบาท)
ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดจะมีการประมูลโครงการแม่เมาะเฟส 9 ที่น่าจะมีขนาดโครงการสูงถึง 3 หมื่นล้านบาทที่น่าจะเริ่มประมูลได้กลางปีนี้ซึ่งจะทำให้ฐานกำไรของ SQ เติบโตขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่รวมไว้ในประมาณการและจะเป็น upside ให้กับ SQ หากสามารถชนะการประมูลในโครงการดังกล่าวได้
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” SQ ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อการประกาศงานเหมืองแร่ดีบุก มูลค่า 3.7 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรที่เรายังไม่ได้รวมก่อนหน้า โดยโครงการใหม่นี้จะหนุน Backlog ในมือให้แข็งแกร่งมากขึ้น การันตีรายได้ที่จะเข้ามาอย่างมั่นคงในอนาคต
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรปี 2560 ขึ้น 12% หรือคิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 0.70 บาท/หุ้น ปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาอยู่ที่ 6.40 บาท (จาก 5.70) สะท้อนมูลค่าของโครงการใหม่ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาหุ้นจะสามารถแรลลี่ขึ้นไปได้รับประเด็นบวกนี้รวมถึงสอดรับโมเมนตัมของกำไรที่จะเริ่มฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 4/69 ต่อเนื่องเข้าสู่ High season ในไตรมาส 1/60
ขณะที่ SQ แจ้งตลาดฯ การเข้าร่วมลงนามในสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดิบ กับบริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการผลิตแร่ดิบ ณ เหมืองเฮนดรา เมืองเมตตา ทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยฝ่ายวิจัยประเมินรายได้ส่วนเพิ่มที่เข้ามาจากโครงการใหม่นี้หนุน Backlog ของบริษัทขึ้นไปอีกราว 10% สู่ระดับ 4 หมื่นล้านบาท และเป็นรายได้ส่วนเพิ่มเข้าไปอีกราวปีละ 400-500 ล้านบาท คาดกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 30-40 ล้านบาทต่อปี เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2560 ขึ้น 12% มาอยู่ที่ 346 ล้านบาท และปรับประมาณการกำไรปี 2561 ขึ้น 9% มาที่ 526 ล้านบาท สะท้อนกำไรจากโครงการใหม่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทมีโอกาสชนะงานประมูลในอนาคตที่จะออกมาเพิ่มเติมซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากงานที่บริษัททำอยู่แล้ว ทั้งแม่เมาะและหงสา โดยคาดโครงการใหม่แม่เมาะ 9 จะเปิดประมูลในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งบริษัทมีความพร้อมสำหรับการประมูลงานใหม่ๆ หนุนอัพไซด์จากประมาณการกำไร
โดยมีโครงการที่คาดจะเป็นอัพไซด์รอคิวอยู่หลายโครงการทั้ง 1) งานเหมืองโปแตส (JV กับ TRC) และ 2) งานรับเหมาปรับพื้นที่งานกองถ่านของโครงการโรงไฟฟ้าเซกอง (ประเทศลาว) คาดจะเริ่มเห็นการดำเนินงานในช่วงปีนี้และมีโอกาสได้งานทำเหมืองต่อที่เซกองในอนาคต และยังมีโอกาสที่บริษัทจะได้งานทำเหมืองสินแร่ต่างๆเพิ่มเติมในภูมิภาค
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” SQ ราคาเป้าหมาย 6 บาท/หุ้น โดย SQ มีมูลค่างานในมือ ณ สิ้นปี 2559 เท่ากับ 3.5 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ประมาณ 8 ปี ซึ่งในปีนี้จะมีการประมูลงานเหมืองถ่านหินโครงการเหมืองแม่เมาะ 9 (ปี พ.ศ.2562-2572) ประมาณไตรมาส 2 ปี 2560 และรู้ผลในไตรมาส 4 ปี 2560 ซึ่ง SQ มีจุดเด่นที่จะนำเครื่องจักรเก่ามาใช้งานต่อเนื่อง ทำให้ประหยัดเงินลงทุน มีประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักร มีความชำนาญในพื้นที่ ทำให้เป็นจุดได้เปรียบที่จะได้งานใหม่ต่อเนื่อง
โดยในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา SQ ได้ร่วมลงนามในสัญญาจ้างเหมาผลิตแร่ดิบ (ดีบุก) กับบริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง เป็นเวลา 7 ปี มูลค่าโครงการ 3,672 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มรายได้ต่อปีประมาณ 450-470 ล้านบาท ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ประเมินรายได้ปี 2560 เท่ากับ 3.4 พันล้านบาท และ คาดจะมีกำไร 409 ล้านบาท เติบโต 27%
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน