CBG ส่งบาวแดงบุกตลาดโลก! เสริมรายได้โตไม่ยั้ง
CBG ส่งบาวแดงบุกตลาดโลก! เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังในจีน-รับอานิสงส์เป็นสปอนเซอร์ทีมเชลซี ผลักดันรายได้ปี 60-62 โตแกร่ง ด้าน โบรกฯ ดังหันกลับมาประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ"
CBG ส่งบาวแดงบุกตลาดโลก! ลุยเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังในจีน-รับอานิสงส์จากการเป็นสปอนเซอร์ทีมเชลซี ผลักดันรายได้ปี 60-62 โตแกร่ง ด้าน โบรกฯ ดังหันกลับมาประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ”
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG หลังจากสังเกตเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) โดยปิดที่ 57 บาท ปรับตัวขึ้น 4.25 บาท หรือ 8.06% ด้านมูลค่าซื้อขาย 471.18 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้นมีสาเหตุมาจากการปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” ของนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ รวมทั้งคาดว่ายอดขายในต่างประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ในช่วงปี 60-62 ให้สามารถเติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 70 บาท อยู่ 22.8%
โดยนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมีมุมมองบวกต่อ CBG จากยอดขายในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง รวมถึงการรุกตลาดโลก และการนำเสนอสินค้าใหม่โดยผ่าน cash van ซึ่งการที่สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (แมนยู) ชนะการแข่งขัน EFL (ลีก คัพ) จะช่วยโปรโมตแบรนด์คาราวบาวไปทั่วโลก (สัญญา 3 ปี) โดยการแข่งขันรายการ EFL คัพในอังกฤษจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “คาราบาว คัพ” ตามผู้สนับสนุนในฤดูกาลหน้า
นอกจากนี้ CBG ยังจะต้องจ่ายค่าสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล EFL อีก 6 ล้านปอนด์/ปี ในไตรมาส 2/60 เพื่อทำให้แบรนด์คาราบาวเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก โดย CBG ตั้งงบการตลาดไว้ที่ 6-8% ของยอดขายในปี 60-63 ซึ่งใกล้เคียงกับ Monster และเครื่องดื่มระดับโลกแบรนด์อื่นๆ ทั้งนี้ CBG มีแผนจะเพิ่มยอดขายในอังกฤษเป็น 30 ล้านกระป๋องในปี 60 จาก 2 ล้านกระป๋องในปี 59 ด้วยการเพิ่มจุดขายแบบ Traditional Trade (TT) อีกเท่าตัวเป็น 16,000 ร้าน เพิ่มช่องทางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดอีก 3 ราย และเจรจากับ Ladbrokes casino และ TESCO เพื่อนำสินค้าไปขายในครึ่งแรกปีนี้
นอกจากนี้บริษัทจะเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในไตรมาส 2/60 ผ่าน JV ในประเทศจีน (CBG ถือหุ้น 41.4%) โดยโรงงานในประเทศไทยจะผลิตสินค้าป้อนให้กับตลาดจีน บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่จีนไว้ที่ปีละ 50-100 ล้านกระป๋องในปี 60-61 ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับ CBG จำนวน 400-800 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลว่ากำไรในครึ่งแรกปีนี้ จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอาจจะจำกัด upside ของราคาหุ้นในระยะสั้น โดยคงคำแนะนำถือ CBG พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท/หุ้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำซื้อ CBG จากเดิมแนะนำถือ ให้ราคาเป้าหมาย 66 บาท/หุ้น แม้จะมีแรงกดดันระยะสั้นจากการขาดทุนในบริษัทร่วมที่ประเทศจีน โดยคาดประมาณการกำไรปี 60 จะปรับลดลง 21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแรงกดดันดังกล่าวก่อนจะปรับเพิ่มขึ้น 51% และ 38% ในปี 61-62
ทั้งนี้มองว่าการลงทุนในประเทศจีนถือเป็นการลงทุนที่ดีในการเปิดตลาดใหม่เพื่อจะก้าวเป็นผู้เล่นระดับโลก เนื่องจากประเทศจีนมีขนาดตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ด้วยขนาดตลาด 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเชื่อว่ายอดขายในต่างประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนรายได้ในช่วงปี 60-62 โดยเฉพาะในประเทศ กัมพูชา, สหราชอาณาจักร และ จีน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำ CBG ขึ้นเป็นซื้อจากเดิมถือ ให้ราคาเป้าหมาย 65 บาท/หุ้น แม้จะปรับประมาณการปี 60-61 ลง 6% และ 11% ตามลำดับ
โดยสะท้อนการขาดทุนของ ICUK และบริษัทร่วมทุนในจีน แต่ยอดขายในประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตดี ทั้งจากคาราบาวแดง กาแฟ และ น้ำดื่มรวมทั้งการรับจัดจำหน่ายสินค้า ขณะที่การส่งออกคาดว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน จึงคาดผลประกอบการของ ICUK และบริษัทร่วมในจีนยังขาดทุนในช่วง 1-2 ปีนี้แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งมีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ CBG จะขยายกำลังการผลิตคาราบาวแดงบรรจุขวดในไตรมาส 4/60 เพื่อรองรับยอดขายคาราบาวแดงในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตดีหลังจากการเพิ่มจำนวนศูนย์กระจายสินค้าเป็น 30 แห่ง และ Cash van 337 คัน ครบตามเป้าหมายเมื่อเดือน ต.ค.59 ขณะที่ต้นทุนบรรจุภัณฑ์คาดจะลดลงหลังจากมีการขยายกำลังการผลิตขวดแก้วในปลายปีนี้ นอกจากนั้น คาดรายได้จากขายสินค้าที่จ้างผลิต คือ น้ำดื่มและกาแฟ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยกาแฟกระป๋องได้เริ่มขายใน Modern Trade แล้ว ขณะที่รายได้จากการรับจัดจำหน่ายสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มจำนวนสินค้าที่ขนส่งไปกับ Cash van
ส่วนการส่งออกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะกัมพูชาและพม่า ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์จากการใช้โลโก้เชลซีและขยายเครือข่ายกระจายสินค้า ทั้งนี้ CBG มีการขยายกำลังการผลิตคาราบาวกระป๋องจาก 320 เป็น 800 ล้านกระป๋อง/ปี โดยจะเริ่มผลิตในเดือน มี.ค. นอกจากนั้น บริษัทได้เริ่มส่งออกไปบราซิล โดยมีผู้จัดจำหน่ายในบราซิล เข้าเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลฟลาเม็งโก้ที่มีชื่อเสียงในบราซิล นับเป็นโอกาสในการเติบโตในตลาดใหม่และอาจใช้เป็นฐานในการขยายตลาดไปยังอเมริกาใต้ในอนาคต
ด้าน ICUK จะเพิ่มช่องทางการขายจาก Traditional trade ขยายไปยัง Modern trade โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นสปอนเซอร์ทีมเชลซี และการเป็นสปอนเซอร์ลีกคัพของอังกฤษ 3 ปี ภายใต้ชื่อ คาราบาวคัพ ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์คาราบาวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น คาดจะทำให้ยอดขายในอังกฤษเติบโตดีขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้ CBG ยังเริ่มขยายไปจีนโดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับชาวจีน (คาด CBG ถือหุ้น 42%) จากการที่จีนเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีศักยภาพเติบโต อย่างไรก็ดี คาดว่า ICUK และ บริษัทร่วมทุนในจีน จะมีผลขาดทุนช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตลาดสูง แต่คาดจะเริ่มพลิกเป็นกำไรในปี 62