มิตซึจิ โคโนชิตะ

สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบัน ห่างไกลจากสังคมยุคตระกูลโตกุกาวะเป็นใหญ่เมื่อ 300 ปีก่อนอย่างมาก ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่า นายมิตซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL มีฐานะทางสังคมสังกัดที่ตรงไหน ระหว่าง 1) ซามูไร 2) พ่อค้า 3) ช่างฝีมือ 4) ชาวนา 5) ขุนนางผู้คงแก่เรียน หรือ 6) พระหรือนักบวช


พลวัต 2017 : วิษณุ โชลิตกุล

 

สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบัน ห่างไกลจากสังคมยุคตระกูลโตกุกาวะเป็นใหญ่เมื่อ 300 ปีก่อนอย่างมาก ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่า นายมิตซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL มีฐานะทางสังคมสังกัดที่ตรงไหน ระหว่าง 1) ซามูไร 2) พ่อค้า 3) ช่างฝีมือ 4) ชาวนา 5) ขุนนางผู้คงแก่เรียน หรือ 6) พระหรือนักบวช

รู้กันแต่ว่า คำพูดตอนที่เริ่มการแถลงข่าวสายวานนี้ครั้งใหญ่ของนายมิตซึจิ หลังจากที่ราคาหุ้น GL ร่วงหนักนานกว่า 1 สัปดาห์ นายมัตซึจิโพล่งขึ้นมาเองโดยไม่มีใครถามว่า “ผมไม่ใช่ ยากูซ่า

คำพูดดังกล่าว มีหลายนัยให้ตีความมากมาย ซึ่งไม่ขอพูดถึงแบบต่อความยาวสาวความยืด เพราะนับตั้งแต่ ข่าวหุ้นธุรกิจ นำเสนอข้อมูลจากหมายเหตุประกอบงบการเงินลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต นาย โสภณ เพิ่มศิริวัลลภ ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมทางธุรกิจของ GL ปรากฏว่าทีมงานได้รับทั้ง “ดอกไม้ และก้อนหิน” มากมายเกินระดับปกติ ทั้งที่เป็นการทำหน้าที่สื่อทางวิชาชีพปกติธรรมดา ซึ่งทีมงานก็พยายามทำความเข้าใจต่อแรงเสียดทานว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมที่หมกมุ่นกับการแยก “คนดี” ออกจาก “คนเลว” อย่างหยาบกระด้างและเอาเป็นเอาตาย

ในการแถลงข่าววานนี้ นายมิตซึจิได้แสดงธาตุแท้ของคนอย่างเขาออกมาว่าเป็น “คนจริง” ที่มุ่งมั่น และเหมาะสมกับความเป็น “บูชิโด” (วิถีนักรบ) อย่างแท้จริง ทำนองเดียวกันกับวีรชนซามูไรในอดีตของผม อย่าง มิยาโมโต้ มูซาชิ ที่น่าชื่นชม

แม้ว่าคำแถลงของเขาเมื่อวานนี้ และคำชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับพฤติกรรมทางธุรกิจของ GL ถือว่า ยัง “ไม่ตรงจุด” และ “ไม่เคลียร์” ในหลายประเด็น พร้อมกับมีคำถามตกค้างอีกหลายข้อ ที่ยังต้องค้นหาข้อเท็จจริงกันต่อไป ตามภาระหน้าที่ของคนที่เกี่ยวข้องต่างๆ ที่บังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทยในหลากหลายมุม และผลประโยชน์ แต่ก็ต้องขอชมเชยว่า นายมิตซึจิคนนี้ มีคุณสมบัติ “บูชิโด” ครบถ้วน (นับแต่ ความจงรักภักดี การเสียสละ ความละอาย ความมีมารยาท ความอ่อนน้อม เกียรติยศ และความรักผูกพัน ความจริงใจ ความซื่อสัตย์สุจริต ความยุติธรรม และการควบคุมตนเอง)

ความพยายามในการแถลงข่าววานนี้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง (ผ่านล่าม) ของเขา เพื่อชี้ว่า GL และธุรกรรมอื่นทางธุรกิจของเขาในหลายประเทศนั้น มีความชอบธรรม ถูกกฎหมาย และมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน สะท้อนถึงภาวะความเป็นผู้นำขององค์กรที่เติบโตรวดเร็วมากได้ดี

แม้นายมิตซึจิ จะยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่า การปล่อยกู้ของ GL ที่มีผลตอบแทนมหาศาล ผ่านบริษัทลูกในสิงคโปร์ ไปให้ลูกค้า 2 กลุ่ม (ที่ไม่เปิดเผยรายชื่อ โดยอ้างถึงเงื่อนไขห้ามเปิดเผยความลับทางการค้า) ไม่ได้เป็นความผิดปกติ แต่กลับมีลักษณะ “กำไรสูง เติบโตเร็ว เสี่ยงต่ำ” ซึ่งขัดแย้งกับหลักจารีตในการทำธุรกิจทั่วโลกที่รู้จักกันทั่วไป ว่า ยิ่งกำไรสูง ยิ่งมีความเสี่ยงสูง

ไม่มีใครรู้ว่า การยืนกระต่ายขาเดียวของนายมิตซึจิ (รวมทั้งนายทัตซึยะ โคโนชิตะ ที่ร่วมแถลงข่าวด้วย) เป็นจริงทั้งหมดหรือไม่ แต่สิ่งที่ปรากฏของตลาดหุ้นไทยวานนี้คือ ราคาหุ้น GL ที่เปิดตลาดร่วงไป 30% ในภาคเช้า มีแรงซื้อกลับมารุนแรงจนถึงกลางภาคบ่าย จนราคาขึ้นไปที่เพดานสูงสุด และปิดตลาดในวันนั้นที่ราคาสูงสุดกว่าวันก่อน 30%

แรงเหวี่ยงราคาที่แรงมากถึง 60% ของราคาหุ้น GL ภายในวันเดียว ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงถึง 8.25 พันล้านบาท คิดเป็นกว่า 20% ของมูลค่าซื้อขายวานนี้ทั้งตลาด ทั้งที่หุ้นดังกล่าวถูกตลาดฯขึ้นบัญชีให้ต้องซื้อขายด้วยเงินสด หรือ cash balance ถือเป็นสถิติที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้สร้างตำนานหน้าใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

ส่วนหนึ่งของแรงเหวี่ยงที่กลับขั้วรุนแรงในวันเดียว น่าจะมาจากคำถามระหว่างการแถลงข่าวที่ว่าจะมีการซื้อหุ้นคืนเพื่อรักษาความเชื่อมั่นให้นักลงทุนหรือไม่ ซึ่งนายมิตซึจิ และนายทัตซึยะ ได้บอกว่า เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถทำได้ และกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ สื่อธุรกิจบางแห่ง (ไม่ใช่ ข่าวหุ้นธุรกิจ) นำเป็นประเด็นเสนอว่า GL จะทำการซื้อหุ้นคืนโดยระบุว่าจะมีการเสนอบอร์ดบริษัทในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคมนี้ แต่เมื่อปิดตลาด นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ก็ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดฯว่า บริษัทยังไม่มีการนำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท

ท่าทีในการแถลงข่าวที่ เอาจริง ไร้อารมณ์ และไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ แถมยังเปิดเผยอีกว่า GL มีเงินสดอยู่ในบริษัทถึง 2.5 พันล้านบาท และมีเงินที่จะสามารถเรียกมาจาก J Trust ได้เพิ่มเติมอีก รวมทั้งมีแผนธุรกิจที่จะเข้าซื้อกิจการเพิ่มต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับธุรกิจ 6-7 รายในกลุ่มของธุรกิจการเงินทั้งหมด

ก่อนจบการแถลง มิตซึจิ ระบุตามสไตล์ญี่ปุ่นแท้ว่า ราคาหุ้น GL ที่ตกลงมาเยอะนั้น เขาต้องขอโทษผู้ถือหุ้นด้วย แต่ “…อยากจะบอกว่าผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะผมเองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะผมถือหุ้นใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ไปโทษใคร เราจะตั้งใจทำงาน และทำให้ผลประกอบการดียิ่งขึ้นไปอีก

ท่าทีแบบ “บูชิโด” ของเขาชัดเจน และตรงไปตรงมายิ่ง รวมทั้งการตอบคำถาม “เสี้ยม” จากใครบางคนที่ตั้งขึ้นว่า “จะฟ้อง ข่าวหุ้นธุรกิจ หรือไม่ ซึ่งมีคำตอบชัดว่า “ไม่ฟ้องหรอก”

มิตซึจิ โคโนชิตะ ประสบความสำเร็จในการแถลงข่าววานนี้สมบูรณ์แบบ แม้ข้อเท็จจริงจากธุรกรรมที่มีคนเปรียบเปรยว่า “โตเร็วกว่าเทพนิยาย” ของ GL ยังคงเป็นโจทย์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำการบ้านกันต่อไปอีกนาน

Back to top button