ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย – บล.เอเซีย พลัส

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้


ระวังพอร์ตโบรกเกอร์เทขายหุ้นหนีเที่ยวส่วนสถาบันในประเทศคาดว่าแรงซื้อ Trigger Fund กำลังเบาลงขณะที่ต่างชาติยังมีลุ้นจากการเข้าซื้อใน SETอ0 Futures 4 วันกว่า 2 หมื่นสัญญา  กลยุทธ์การลงทุน เลือกหุ้น Laggard และ PE ต่ำ พร้อม Story เด่นที่กำลังรออยู่ SPALI, STPI 

มุมมองและการวิเคราะห์ :

– ตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายประเทศ (รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐ) วันนี้ปิดทำการต่อเนื่องในเทศกาล Easter ซึ่งจะทยอยเปิดอีกครั้งในวันที่ 6 เม.ย. โดยตลาดหุ้นที่เปิดทำการส่วนใหญ่ยืนได้ในแดนบวก ทั้งตลาดหุ้นเกาหลี ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.35% สวนทางกับจีนที่เริ่ม -0.15% สำหรับตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มเล็กน้อย 0.12% โดยหุ้นกลุ่มแบงค์ พลังงาน ท่องเที่ยวและรับเหมาฯ ที่ปรับเพิ่มต่อเนื่อง   

– นับตั้งแต่ที่เริ่มมีข่าวการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก จนมาถึงวันประกาศเลิกใช้ SET lndex มีการปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบ 3% ประเมินว่า Momentum จากข่าวดังกล่าวกำลังเบาลง และตลาดซึมซับข่าวไปมากแล้ว ส่วนความคาดหวังว่า Fund Flow จะไหลเข้า ณ ปัจจุบัน ยังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าวที่เด่นชัดมากนัก วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิเล็กน้อยเพียง 762 ล้านบาท (รวม 2 วันยังเป็นขายสุทธิ 1.4 พันล้านบาท) แต่ซื้อใน SET50 Futures มา 4 วันติดต่อกันสูงถึง 2 หมื่นสัญญา

ส่วนการขับเคลื่อนตลาดของสถาบันในประเทศ ก็มีแนวโน้มจะเบาลงเช่นกัน เนื่องจากในช่วง 4 วันที่ผ่านมา สถาบันในประเทศลุยซื้อสุทธิสูงถึง 6.6 พันล้านบาท ในจำนวนการซื้อดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูงที่ส่วนใหญ่จะมาจาก Trigger Fund ที่เสนอขายในช่วงเดือน มี.ค.58 จำนวน 4 กองขนาดรวม 5 พันล้านบาท ถ้านับตั้งแต่ที่มีการเสนอขายเสร็จสิ้น สถาบันในประเทศเข้าซื้อสุทธิ 18 มี.ค. – ปัจจุบัน กว่า 9.9 หมื่นล้านบาท  และที่ต้องระวังให้มากคือพอร์ตโบรกเกอร์ที่ไล่กวดด้วยการซื้อสุทธิ 2 วันติดกว่า 2.6 พันล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นเพียงแค่การไล่ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น และพร้อมปล่อยทำกำไรเร็วตลอดเวลา 

– ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า รายงานการประชุม FOMC (Fed Minutes) คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากตลาดคาดไว้แล้วว่ารายละเอียดการประชุมจะค่อนข้างผ่อนคลาย และมีบางประโยคที่สามารถตีความเกี่ยวกับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยช้า ดูได้จากการคาดการณ์ดอกเบี้ยของคณะกรรมการ Fed ล่าสุด (15 มี.ค.58) ปี 2015 และ 2016 เหลือ 0.625% และ 1.875% ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 1.125% และ 2.5% ตามลำดับ โดย US 10 Year Bond Yield  มีการปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 basis point นับตั้งแต่การประชุม FOMC เมื่อ 17 มี.ค.58 ที่ผ่านมา จนล่าสุดลงมาอยู่ที่ 1.91% บ่งบอกว่าตลาดค่อนข้างผ่อนคลายและเชื่อไปล่วงหน้าแล้วว่า Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยก่อน มิ.ย.58 และน่าจะไปขึ้นตอนการประชุมช่วง ต.ค.58

– การที่อิหร่านบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ กับ 6 ชาติตะวันตก ขณะที่สหประชาชาติแสดงเจตนาที่จะยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน ทำให้ถูกคาดหมายว่าในอนาคตน่าจะมี Supply น้ำมันที่เกิดจากการที่อิหร่านกลับมาเป็นผู้ส่งออกที่ระดับประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปี 2559 ความคาดหวังดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันกลับมาอยู่ในทิศทางลงอีกครั้ง และจากการประเมินว่ายังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนราคา

ทำให้เป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะกลับลงมาที่จุดต่ำสุดเดิม (ราว 45 เหรียญฯ/บาร์เรล) ความคาดหมายดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานต้องกลับมาอยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนเป็นการชั่วคราว) ส่วนผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ อาจต้องให้ความสำคัญกับภาวะเงินฝืดมากขึน เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของประเทศไทยที่ปรากฎว่าอัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน (ม.ค. –  มี.ค.2557) แต่ก็เป็นหลักประกันว่าอัตราดอกเบี้ยยังจะอยู่ที่ระดับต่ำต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic: SET ฟื้นตัวและกลับมา out-perform ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน โดยแนะนำหุ้นที่ Laggards เช่น BTS, SPALl, STPl และ BEC 

– หุ้น PE ต่ำ และมี Story เด่น STPl 

– หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ASK, SPALl 

– Portfolio Update : ASK, SPALl, STPl

Back to top button