KCAR สดใส
KCAR เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้เช่ารถแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี โดยเน้นการให้บริการเช่ารถแบบระยะยาวภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) ภายใต้จำนวนรถยนต์ให้เช่า 8.22 พันคัน ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่าพันราย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเอกชน 80% เป็นภาครัฐวิสาหกิจ 10% หน่วยงานภาครัฐ 5% และบุคคลทั่วไป 5% ตามลำดับ
คุณค่าบริษัท
บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้เช่ารถแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี โดยเน้นการให้บริการเช่ารถแบบระยะยาวภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) ภายใต้จำนวนรถยนต์ให้เช่า 8.22 พันคัน ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่าพันราย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเอกชน 80% เป็นภาครัฐวิสาหกิจ 10% หน่วยงานภาครัฐ 5% และบุคคลทั่วไป 5% ตามลำดับ
ในกลุ่มของบริษัทเอกชนนั้น ส่วนใหญ่มียอดขายมากกว่า 400 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป กระจายตัวในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยรถที่บริษัทให้เช่าจะเป็นรถแบรนด์ญี่ปุ่นที่อยู่ในความนิยม ได้แก่ โตโยต้า (สัดส่วน 80%) ฮอนด้า นิสสัน และอีซูซุ ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 40% ส่วนที่เหลือเป็นรถกระบะ รถตู้ รถ SUV และรถ MPV
นับว่า KCAR มีจุดแข็งเนื่องมีการให้บริการที่ครบวงจน!!
ทั้งนี้ในปี 2560 ยังบวกต่อ KCAR ทั้งธุรกิจรถให้เช่าและขายรถมือสอง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ และจำนวนคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่ลดลงไปมากในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะรายกลาง ผลกระทบจากธุรกิจการขายรถยนต์ off-fleet ที่ไม่มีกำไรหรือถึงขึ้นขาดทุน (เนื่องจากราคาขายซากไม่เป็นไปตามที่คาดไว้) ทำให้เริ่มเห็นการปิดกิจการต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
อีกทั้ง การที่บริษัทฯ ได้รับผลบวกจากมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลของภาครัฐ ด้วยการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และสามารถนำค่าใช้จ่ายลงทุนดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีได้ทั้งจำนวนเป็นระยะเวลา 5 งวดปีบัญชี ทำให้มีการเร่งซื้อรถยนต์เข้ามามากในช่วงครึ่งหลังของปี 59 โดยความได้เปรียบจากต้นทุนรถยนต์ให้เช่าที่ถูกลงดังกล่าว สามารถใช้เป็นอาวุธในการรุกเข้าสู่การแข่งขันด้านราคาอย่างเต็มที่มากขึ้นในปี 2560
โดยเฉพาะแนวโน้มกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1 ปี 60 ยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งรายได้จากการให้เช่ารถยนต์และรายได้จากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามแผนการจำหน่ายรถที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมากในช่วงครึ่งแรกของปี 60 ส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายรถ off-fleet ของ KCAR และยังคงเห็นผลบวกจาก effective tax rate ที่อยู่ระดับต่ำมากต่อเนื่องจากมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ฯ ของภาครัฐ
ดังนั้น นักวิเคราะห์เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ขึ้น 7.7% และ 10.1% จากเดิม เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐานหลักๆ ตามของมูลข้างต้น
ส่วนผลการดำเนินงานงบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,002.97 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,945.79 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากค่าเช่ารถยนต์และรายได้จากการขายรถยนต์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 330.60 ล้านบาท หรือ 1.32 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 203.44 ล้านบาท หรือ 0.81 บาทต่อหุ้น
ทำให้นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 17.55 บาท (เดิม 16 บาท) แถมด้วยคาดการณ์ปันผลเฉลี่ยกว่า 7% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) อีกด้วย
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.นางวิภาพร จันทรเสรีกุล 40,512,400 หุ้น 16.20%
2.นายพิเทพ จันทรเสรีกุล 34,000,000 หุ้น 13.60%
3.นายพิชิต จันทรเสรีกุล 34,000,000 หุ้น 13.60%
4.นายพิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล 25,000,000 หุ้น 10.00%
5.น.ส.พิมลฑา จันทรเสรีกุล 20,221,000 หุ้น 8.09%
รายชื่อกรรมการ
1.นาย พิเทพ จันทรเสรีกุล ประธานกรรมการบริษัท
2.นาย พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ
3.นาย พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการ
4.นาย การุณ เลาหรัชตนันท์ กรรมการ
5.นาย พสุ เดชะรินทร์ กรรมการอิสระ