บลจ.กรุงศรี ขาย KFTSTAR-D 6-16 มี.ค.นี้

บลจ.กรุงศรี ออกกองทุน KFTSTAR-D เสนอขาย 6-16 มี.ค.นี้


น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล(KFTSTAR-D) ระหว่างวันที่ 6 – 16 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น ได้มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยมียอดเงินลงทุนหลังจากปิดการเสนอขายมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้จากกระแสตอบรับที่ดีดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ลงทุนมีต่อกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท

สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) เหมาะกับผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสรับผลตอบแทนรวมสูงกว่ากองทุนที่เน้นหุ้นปันผล และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนรวมที่สูงกว่าตลาด กองทุน KFTSTAR-D มีจุดเด่นในการใช้กลยุทธ์แบบ Blend Model ซึ่งเหมาะกับตลาดหุ้นไทยเพราะสามารถพิจารณาลงทุนในหุ้นดาวเด่นจากทุกกลุ่ม โดยไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดหรือประเภทหุ้นสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นปันผล หุ้นเติบโตสูง หุ้นขนาดกลาง – เล็ก กองทุนมีการบริหารพอร์ตเชิงรุกและมีความยืดหยุ่นสูงในการปรับสัดส่วนให้เหมาะกับแต่ละภาวะตลาด

โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนรวมทั้งมีระดับราคาที่ยังคงไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไร ทั้งนี้กองทุน KFTSTAR-D มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%ของ NAV ความเสี่ยงสูงระดับ 6 : เสี่ยงสูง

“บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าหุ้นไทยยังน่าสนใจและไปต่อได้โดยในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาคซึ่งเป็นผลจากเงินทุนไหลออกเนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แต่อย่างไรก็ดีหลังจากที่เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย และคงมุมมองว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในปีนี้ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ประเมินไว้จึงน่าจะส่งผลให้เงินทุนไหลกลับเข้าสู่ emerging markets ซึ่งตลาดหุ้นไทยน่าจะได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าเช่นกัน นอกจากนี้การที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่งและฟื้นตัวต่อเนื่องกอปรกับมาตรการของภาครัฐช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจซึ่งน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เติบโตได้ดียิ่งขึ้น” น.ส.ศิริพร กล่าว

Back to top button