แข็งของจริง!

*วานนี้หลายคนคิดว่า ตลาดหุ้นไทยคงไม่รอดสันดอนเหมือนตลาดหุ้นที่อื่นๆ แต่เอาเข้าจริงๆ กลับสู้ไม่มีถอยตลอดทั้งวัน จนดัชนีเด้งจากจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,558 จุด วิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,566.66 จุด ลบไป 2.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.52 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการแทงกั๊กแบบสุดตัวก็จริง แต่วงรอบของการเคลื่อนตัวของดัชนียังไม่จบง่ายๆ จึงมีแรงฮึดสู้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นไงล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

 

*วานนี้หลายคนคิดว่า ตลาดหุ้นไทยคงไม่รอดสันดอนเหมือนตลาดหุ้นที่อื่นๆ แต่เอาเข้าจริงๆ กลับสู้ไม่มีถอยตลอดทั้งวัน จนดัชนีเด้งจากจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,558 จุด วิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,566.66 จุด ลบไป 2.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.52 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการแทงกั๊กแบบสุดตัวก็จริง แต่วงรอบของการเคลื่อนตัวของดัชนียังไม่จบง่ายๆ จึงมีแรงฮึดสู้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นไงล่ะค่ะ

*ประกอบมีแรงช้อนซื้อเข้ามาในจังหวะที่ดัชนีอ่อนตัวลงไปแตะระดับ 1,560 จุด ย่อมตีความได้ในทันทีว่า นักลงทุนบางกลุ่มกำลังพยายามเก็บของเข้าพอร์ต ซึ่งเที่ยวนี้หันมาใช้วิธีซื้อเมื่ออ่อนตัวเป็นหลัก แต่บางครั้งก็ไล่เก็บหุ้นในบางจังหวะเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงยังมองเป้าด้านบนที่บริเวณ 1,580 จุดเหมือนเดิม และเหตุผลที่เลือกตรงจุดนี้มาจากแรงเทขายมักโผล่มาตรงบริเวณนี้ประจำเจ้าค่ะ

*นอกจากนี้ยังมีกูรูบางท่านให้มุมมองเกี่ยวกับการลงทุนไว้ว่า อย่าไปสนใจสถานการณ์ภายนอกมากนัก เพราะตลาดหุ้นไทยซึมซับรับข่าวดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้ว จังหวะนี้ถึงต้องเล่นหุ้นรายตัวที่มีสตอรี่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นยังต่ำกว่าราคาเหมาะสมค่อนข้างเยอะ บวกกับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นรายตัวก็ลดลงไปมาก วันนี้ถึงต้องลุยต่อไงล่ะตัวเอง

*เหมือนกับในรายของ IRPC ถือเป็นตัวอย่างนำร่องที่ดีสำหรับการลงทุนในเที่ยวนี้ เพราะเมื่อสำรวจค่าการกลั่นแบบหยาบๆ ก็เห็นได้ชัดว่า เที่ยวนี้เป็นจังหวะของการตามน้ำแบบไม่ต้องสงสัย แถมวานนี้หุ้นยังยืนปักหลักอยู่ที่ 5.15 บาทแบบไม่ไหวติง เดี๊ยนถือเป็นช็อตของการเข้าเก็บสำหรับคนมีเงินเย็น เพราะราคาเป้าหมายของหุ้นเบื้องต้นอยู่แถว 6 บาทนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของน้อง MINT ยังคงเป็นจังหวะของการเล่นสั้นๆ รูปแบบการเคลื่อนตัวของหุ้นยังอยู่ในระนาบ W-shape ตั้งแต่เดือน พ.ย. 59 จนถึงเดือน มี.ค. 60 ซึ่งมีกรอบด้านบนอยู่ที่ระดับ 36 บาท และมีกรอบด้านล่างอยู่ที่ระดับ 33.50 บาท แถมหุ้นแกว่งตัวขึ้นลงในลักษณะนี้มาทั้งหมด 3 ครั้ง “โมนิก้า” ถึงมองการขยับขึ้นมาปิดที่ 35.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท น่าจะเป็นรอบที่ 4 พะยะค่ะ

*ทางด้านหุ้นไก่พิมพ์นิยมอย่าง CPF ก็มีลักษณะขึ้นมาอย่างว่องไว แต่จากไปแบบเงียบๆ เป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงมองเป็นหุ้นที่ต้องตามไปดูเมื่อมีแรงซื้อเข้ามาเยอะๆ และควรถอยเมื่อมีแรงเทขายไหลออกมาต่อเนื่อง แถมวานนี้หุ้นถีบตัวขึ้นมาปิดที่ 29.25 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 3.28 พันล้านบาท ทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 30.50 บาท ต่อจากนั้นขยับขึ้นไปที่ 32 บาทก็เท่านั้นเองค่ะ

*สำหรับหุ้นที่ขยับขึ้นต่อเนื่องในเที่ยวนี้กลายเป็น HANA ซึ่งก่อนหน้านี้ทำท่าเหมือนจะหมดแรงข้าวต้มหลายรอบด้วยกัน สุดท้ายก็มาไกลกว่าที่หลายคนคาดคิดไว้มาก จากหุ้นที่มีราคาค่างวดอยู่แค่ระดับ 31 บาทเมื่อเดือน ธ.ค. 59 วานนี้หุ้นขึ้นมาทำ new high ที่ระดับ 47 บาท บวกไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 173 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบนค่า P/E 17.60 เท่า มันน่าตามไปดูไหมล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AAV ไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ จนขึ้นมาปิดที่ 6.45 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท ทั้งที่สัปดาห์ก่อนยังยืนซึมกระทือที่บริเวณ 6 บาท ทำให้เดี๊ยนสนใจหุ้นสายการบินตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะกำลังตั้งลำขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 6.80 บาทอีกครั้ง หากผ่านจุดดังกล่าวขึ้นไปพร้อมกับวอลุ่มที่แน่นขนัด น่าจะมีลุ้นทะลุระดับ 7 บาทอีกรอบเหมือนกันเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นขนาดเล็กที่กำลังโตวันโตคืนอย่างน้องกิ๊ฟ GIFT ยังคงเป็นทีเด็ดสำหรับคนที่ชอบเคาะเร็ว หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.45 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่า 75 ล้านบาท น่าจะเป็นหุ้นที่เหมาะกับแมงเม่าเสียจริงๆ เพราะรูปแบบการเล่นในเที่ยวนี้เป็นลักษณะไล่แล้วพัก แต่ยังคงเดินหน้าทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องแบบนี้ เป้า 8 บาทคงไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของหุ้นโรงพยาบาล EKH กำลังเริ่มผงกหัวขึ้นอีกรอบ แถมมีวอลุ่มซัพพอร์ตเข้ามาพอสมควร จึงกลายเป็นช็อตที่นักเล่นไม่ควรพลาดการเข้าทำ อีกทั้งในช่วงปลายปี 60 น่าจะเริ่มเห็นพัฒนาการสำคัญของโรงพยาบาลแห่งนี้ “โมนิก้า” ถึงมองการเด้งขึ้นมาปิดที่ 6.60  บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 56 ล้านบาท น่าตามไปดูซะเหลือเกินเจ้าค่ะ

*ส่วนคนที่ชอบเสียวแบบสุดซอย “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูม้านอกสายตา HTECH เพื่อเป็นทางเลือกในการเคาะขวาสั้นๆ เพราะเมื่อดูตามเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันก็เป็นพล็อตเดิมๆ ที่เคยเห็นกันมาแล้ว ทำไมเพิ่งมาไล่ราคาแบบบ้าระห่ำ จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8.80 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาท เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า นี่เป็นเกมวัดใจผู้กล้านะคะ

*ป.ล.กองทุนตัวแสบเริ่มทิ้งหุ้นอีกรอบแบบนี้ ทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสู้ดีก็จริง แต่หากมีแรงซื้อเข้ามายันไว้ตลอดเวลา  ทุกอย่างก็จะดีขึ้นอย่างช้าๆ นะจะบอกให้

Back to top button