บลจ.กสิกรไทยชวนลงทุนรับสงกรานต์ชู2กองบอนด์ต่างประเทศขายต่อเนื่อง
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีแอล (KFF6MBL) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอแซท (KEFF6MAZ) ในวันที่ 8 - 16 เมษายน 2558 ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีแอล (KFF6MBL) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอแซท (KEFF6MAZ) ในวันที่ 8 – 16 เมษายน 2558 ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.75% อันสืบเนื่องมาจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังคงชะลอตัว โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ จากเดิมที่ 4% ลงเหลือที่ 3.8% ประกอบกับตัวเลขการส่งออกที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้ตามที่คาดไว้ ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หรืออาจมีโอกาสปรับลดลงได้อีกภายในสิ้นปี 2558 หากตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่สามารถเติบโตได้ตามที่คาด บริษัทจึงเตรียมเสนอทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มากนัก แต่ยังคงต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับเงินฝากในช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำ
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
นางสาวยุพาวดีกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอแซท (KEFF6MAZ) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Isbank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีแอล (KFF6MBL) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A., ประเทศบราซิล โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท