AIRA เลื่อนนำ”ไอร่า แอนด์ ไอฟุล”เข้าตลาดฯเป็นปี 62 จากแผนเดิม Q2/61
AIRA เลื่อนนำ"ไอร่า แอนด์ ไอฟุล"เข้าตลาดฯเป็นปี 62 จากแผนเดิม Q2/61
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจเลื่อนนำ บมจ.ไอร่า แอนด์ ไอฟุล เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ออกไปเป็นปี 62 จากแผนเดิมในไตรมาส 2/61 เนื่องจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนต้องมีกำไร แม้จะเข้าเกณฑ์ด้วยมาร์เก็ตแคป
ปัจจุบัน ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ยังมีผลขาดทุน โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าลูกค้าเพิ่มเป็น 3 แสนราย จากปัจจุบันที่ 1 แสนราย โดยคาดว่าลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ปล่อยสินเชื่อได้อีกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และในเดือน พ.ค. นี้ บริษัจะใส่เงินเพิ่มทุนในไอร่า แอนด์ ไอฟุล อีก 450 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งจะทำให้ ไอร่า แอนด์ ไอฟุล มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ขณะที่ AIRA อยู่ระหว่างพิจารณานำ บมจ.ไอร่า ลีสซิ่ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทแรกในกลุ่มแทน เนื่องจากบริษัทดังกล่าวสามารถสร้างผลกำไรได้แล้วในปี 59 ที่ผ่านมา
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของ AIRA ยังคงเป้าหมายงบรวมพลิกมีกำไรในปี 62 หลังจากปี 59 กลุ่ม AIRA มีผลขาดทุนอยู่ 107 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่า ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ที่ AIRA ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 30% จะมีกำไรตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป และ บริษัทในเครืออื่นๆ จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน AIRA เตรียมนำสินทรัพย์อาคารสำนักงานให้เช่า ของ แอสไพเรชั่น วัน 4 แห่ง ตั้งเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 61 ซึ่งในเดือน ส.ค. นี้ เตรียมที่จะก่อสร้างอคารสำนักงานแห่งแรกที่แยกราชเทวี และจะเปิดขายในสิ้นปีนี้ และในไตรมาส 3/60 คาดว่าจะเห็นข้อสรุปการเข้าซื้ออาคารสำนักงานให้เช่าอย่างน้อย 1 แห่ง
นางนลินี กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทฯมีดีลการซื้อกิจการ (M&A) เพิ่มอีก 1 ดีล ซึ่งเป็นธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจการเงิน เบื้องต้นบริษัทมีความสนใจในด้านธุรกิจพลังงาน โดยมีแผนจะใช้เม็ดเงินการลงทุนไม่มาก ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นปีที่บริษัทฯจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาบริษัทในเครือให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกบริษัทในเครือสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ตามแผนในอนาคต