สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 29 มี.ค.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) หลังจากอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ซึ่งนักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสแรกปีนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น และดัชนี NASDAQ ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 2%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,659.32 จุด ลดลง 42.18 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,361.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ +0.11% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,897.55 เพิ่มขึ้น 22.41 จุด หรือ +0.38%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนซึมซับข่าวอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจะเปิดเผยแนวทางเรื่องการดำเนินการ Brexit ของกลุ่ม EU ในวันพรุ่งนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 378.53 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,203.00 จุด เพิ่มขึ้น 53.58 จุด หรือ +0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,373.72 จุด เพิ่มขึ้น 30.30 จุด หรือ +0.41% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,069.04 จุด เพิ่มขึ้น 22.84 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก เมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากแรงกดดันหลังรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนเพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 30.30 จุด หรือ +0.41% ปิดที่ 7,373.72 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น เมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) นั้น เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ข่าวการปิดบ่อน้ำมันที่สำคัญในประเทศลิเบีย ยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 49.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 52.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน และสาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,253.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดทรงตัวที่ระดับ 18.252 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 952.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลงราว 0.3% ปิดที่ระดับ 790.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) จากแรงกดดันภายหลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เมื่อวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์ได้แรงหนุนบางส่วนจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาบอสตันและซาน ฟรานซิสโก ที่ได้แสดงความเห็นว่า เฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้
สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2421 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2444 ดอลลาร์ ในขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0753 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0800 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7671 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7634 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 111.10 เยน จากระดับ 111.15 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ะดับ 0.9972 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9931 ฟรังก์สวิส