ORI ออร่าฟุ้ง! Backlog แตะหมื่นล้าน หนุนกำไรโตเด่น
ORI ออร่าฟุ้ง! Backlog พุ่งกว่าหมื่นล้านบาท อัพกำไรโตเด่น ใจป๋าปันผลเป็นหุ้น 2.5:1-เงินสด 0.04 บ./หุ้น ขึ้น XD 17 เม.ย.60 ด้าน โบรกฯ เล็งกำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง ชูโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI หลังจากสังเกตเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ 11.20 บาท เมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 ถึงวานนี้ (30 มี.ค.) โดยราคาปิดตลาดอยู่ที่ 12.70 บาท ปรับตัวขึ้น 1.50 บาท หรือ 13.39% ด้านมูลค่าซื้อขาย 280.12 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 15 บาท อยู่ 18.11%
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เกิดจากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการให้สภาพคล่องของหุ้นมีมากขึ้นจึงได้เสนอขายบิ๊กล็อตเมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 นอกจากนี้ยังเตรียมจ่ายปันผลเป็นหุ้น 2.5:1 และเงินสด 0.04 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 เม.ย.60 ด้านกำไรปี 60 มีแนวโน้วเติบโตแข็งแกร่ง จาก Backlog มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรูปรายได้ปีนี้ 4.6 พันล้านบาท พร้อมทั้งยังเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรในอนาคตยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 นางอารดา จรูญเอก กรรมการ ORI ทำรายการเสนอขายหุ้นบิ๊กล็อตให้กับทางบริษัททุนภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นรายการซื้อขายหุ้น 1 รายการ จำนวน 16 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.45 ของทุนจดทะเบียน มูลค่าซื้อขาย 180.80 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยราคา 11.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งภายหลังการขายบิ๊กล็อตส่งผลให้กลุ่มจรูญเอก ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ORI มีสัดส่วนการถือหุ้นคงเหลือ 63.61%
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 มี.ค.60 นางอารดา ได้ทำรายการเสนอขายหุ้น ORI บิ๊กล็อตจำนวน 12 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของทุนจดทะเบียน ให้กับกองทุน Ton Poh ในราคา 11.30 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ยังได้ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.59 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.59 และกำไรสมเป็นเงินสดจำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา (หุ้นเดิม :หุ้นปันผล) 2.50:1 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 17 เม.ย.60 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค.60
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ ORI ให้ราคาเป้าหมาย 15 บาท/หุ้น โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโตสูงถึง 71.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากยอด Backlog ที่รองรับรายได้แล้ว 80% และโตอีก 32.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในปี 61 จากการเติบโตของกำไรที่ยังคงต่อเนื่อง และแผนธุรกิจที่ยังมุ่งเน้นการสะสม Backlog เป็นหลัก
ทั้งนี้ได้ปรับ Target P/E ขึ้น จากเดิม 12x เป็น 15x (เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับ PSH ในช่วงปี 51-52 ที่กำไรโตต่อเนื่องแบบ double digit) สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างน้อยในอีก 2 ปีข้างหน้าและโดดเด่นกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในกลุ่มราคาเป้าหมายปรับขึ้นเป็น 15 บาท ซึ่งคิดเป็น PEG (Growth เฉลี่ยปี 60-61) เพียง 0.22x เท่านั้น
ขณะที่ ORI ตั้งเป้ายอดขายปี 60 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท หรือโต 20% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แรงหนุนจากการเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท หรือโต 33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ 80% ของสินค้าที่จะเปิดตัวใหม่เป็นคอนโดระดับกลาง-บน (แบรนด์ Notting Hill ราคาเฉลี่ย 1.2-2.0 แสนบาท/ตาราเมตร และ KnightsBridge ราคาเฉลี่ย 0.8-1.2 แสนบาท/ตาราเมตร) โดยงานก่อสร้างคาดจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี และจะเป็น Backlog ที่ช่วยหนุนรายได้ของปี 63 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ORI มี Backlog สิ้นปี 59 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ปี 60 ที่ 4.6 พันล้านบาท ซึ่งช่วยรองรับเป้ารายได้ตามที่คาดการณ์ไว้แล้ว 80% (สูงที่สุดในกลุ่ม) ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้จนถึงปี 62 โดยเชื่อว่าการเปิดโครงการใหม่ที่ยังสูงกว่าการรับรู้รายได้ในแต่ละปี และการมุ่งเน้นกลยุทธ์ Blue Ocean ที่เน้นการเปิดตัวสินค้าในทำเลใหม่ๆ ตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
รวมทั้งการสร้างความแตกต่างด้วยการเลือกพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ยังคงช่วยให้ ORI คงความสามารถในการแข่งขันและทำให้ภาพรวม Take-up rate ของบริษัทสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดได้ (ปี 59 Take-up rate เฉลี่ยของโครงการใหม่ของ ORI อยู่ที่ 70% เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดที่ 50%) ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการสะสม Backlog ให้มีทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ ORI ให้ราคาเป้าหมาย 13.26 บาท/หุ้น คาดว่าอัตราการเติบโตกำไรปีนี้โต 81% และปีหน้าสูงสุดในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยเป็น 34% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทจะมีรายได้ค่าเช่าจากเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ในทำเลที่ดีมากคือ ทองหล่อ และศรีราชา เป็นต้น
ทั้งนี้จากที่มีรายงานว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ ORI ครอบครัวจรูญเอกทำบิ๊กล็อตหุ้น ORI จำนวน 16 ล้านหุ้นหรือ 1.45% ของทุนจดทะเบียนให้กับ ทุนภัทร ที่ราคา 11.30 บาทต่อหุ้น ทำให้ครอบครัวจรูญเอกเหลือหุ้นอยู่ 63.61% และก่อนหน้านี้คือ 20 มี.ค.60 ได้ทำรายการเช่นนี้ 12 ล้านหุ้นให้กับ Ton Poh ที่ราคา 11.30 บาท
โดยคาดว่าทางผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการให้สภาพคล่องของหุ้น (free float) มีมากขึ้น จากข้อมูลกลาง มี.ค.60 ที่เป็นเพียง 8.65% ซึ่งก่อนหน้าก็มีการขายให้กับกองทุนเทมเพิลตันมาก่อน ข้อดีคือ ราคาขายนั้นสูงกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายซึ่งปกติแล้วการทำบิ๊กล็อตมักจะมีราคาที่ต่ำกว่า จึงคาดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 ราคาหุ้นปรับขึ้นถึง 6.7%
นอกจากนี้อีกหนึ่งวิธีที่จะเสริมสภาพคล่องก็คือ การจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญที่บริษัททำมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศจ่ายปันผลงวดสุดท้ายปี 59 สัดส่วน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสด 0.04 บาทต่อหุ้น XD 17 เม.ย.60 และจ่าย 3 พ.ค.60