BTS มังกร(เลิก)ซ่อนกาย
วานนี้ เจ้าสัว คีรี กาญจนพาสน์ แห่งบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีงานชุกเป็นพิเศษ เพราะมีงานใหญ่ 2 งานพร้อมกัน
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
วานนี้ เจ้าสัว คีรี กาญจนพาสน์ แห่งบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีงานชุกเป็นพิเศษ เพราะมีงานใหญ่ 2 งานพร้อมกัน
งานใหญ่ตอนเช้า เจ้าสัว มีภารกิจใหญ่ การต้อนรับ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเปิดการเดินรถไฟฟ้า 1 สถานี คือ แบริ่ง-สำโรง อันเป็นส่วนหนึ่งของการเดินรถ 9 สถานีของสายสีเขียวใต้ 12.58 กิโลเมตร ภายใต้กติกาของ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยกรุงเทพมหานคร
การเปิดเดินรถดังกล่าว เป็นแค่สัญลักษณ์ที่ซ่อนรูปธรรมของข้อตกลงทาธุรกิจชัดเจน หลังจากที่ ก่อนหน้าไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BTS ได้บรรลุข้อตกลงลงนามร่วมกับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ในการกำหนดรูปแบบ และแผนการเดินรถ รวมทั้งค่าจ้างของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (รวมทั้งสิ้น 6 สถานี ระยะทางรวม 18.20 กิโลเมตร) และ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (รวมทั้งสิ้น 9 สถานี ระยะทาง 12.58 กิโลเมตร) ซึ่งรวมเรียกว่าโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ ระยะทางรวม 30.78 กิโลเมตร โดยมีมูลค่าการว่าจ้างประมาณ 1.61 แสนล้านบาท ระยะเวลา 25 ปี
BTSC จะเป็นผู้ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.60 จนถึงวันที่ 2 พ.ค.85 โดยมีมูลค่าการว่าจ้างทั้งสิ้นอยู่ในวงเงินประมาณ 1.61 แสนล้านบาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยระยะเวลาการสิ้นสุดสัญญาดังกล่าวจะเป็นระยะเวลาเดียวกันกับการสิ้นสุดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงระยะยาว) ที่ BTSC ได้รับการว่างจ้างจากกรุงเทพธนาคม ให้บริการเดินรถตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2555 จนถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2585
เงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว ถูกกำหนดขึ้นตามปัจจัยหลักต่างๆ เช่น จำนวนขบวนรถที่จะใช้ในการให้บริการและต้นทุนของขบวนรถดังกล่าวระยะเวลาวิ่งของรถ (Car Kilometer) จำนวนผู้โดยสาร อัตราเงินเฟ้อ ค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษา โดยเป็นสัญญาจ้างเหมา แต่มีข้อกำหนดว่าด้วยวิธีการการปรับค่าจ้างสำหรับปัจจัยหลักที่มีการผันแปรไว้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน อันเนื่องจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจ
งานนี้ กินยาวไปเลยถึง 25 ปี และมีโอกาสต่อสัญญาได้อีกในอนาคต คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
ในภาคบ่าย เจ้าสัวคีรี จำต้องวิ่งรอกมานั่งประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ของผู้ถือหุ้น BTS
เจ้าของสูตรสำเร็จ “ไม่จับปลาซิวปลาสร้อย แต่จับเฉพาะปลาวาฬ” แสดงความรอบรู้แบบ “เซียนมังกรคู่” ตัวพ่อ ด้วยการป่าวประกาศในที่ประชุมว่า คาดรายได้ของ BTS1 จะพุ่งอย่างน้อย 3 เท่าหรือ 300% ในอีก 4 ปี จากราว 8 พันล้านบาท
เหตุปัจจัยหลักของการเติบโตอย่างมั่นใจ ของเจ้าสัวคีรี มาจาก การที่ BTS จะได้เดินรถไฟฟ้าเพิ่มเป็นประมาณ 141 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารในระบบของ BTS เพิ่มมาเป็นใกล้ระดับ 2 ล้านเที่ยวคน/วัน จากปัจจุบันที่เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลัก มีระยะทาง 23.5 กม. และส่วนต่อขยาย สายสีเขียวสถานีสะพานตากสิน- สถานีบางหว้า ระยะทาง 12.5 กม.
นอกจากนั้น ยังมีเส้นทางเดินรถที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.58 กม. และช่วงหมอชิต- สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.4 กม., รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม., รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระยะทาง 30.4 กม., รถไฟฟ้าสายสีทอง ช่วงสถานีกรุงธนบุรี-ประชาธิปก ระยะทาง 1.7 กม. และรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน ระยะทาง 7 กม.
คำประกาสก้องในห้องประชุม ที่ทำให้ผู้ถือหุ้น BTS ร้อนด้วยธาตุไฟ อยู่ที่คำพูดจสัวคีรีว่า “….ผมมั่นใจว่า รถไฟฟ้าทุกสายที่เปิดประมูลเราจะเข้าไปประมูล เพราะ เรามีความรู้ความสามารถ เรื่องของเงินทุน เรามีพร้อม…ธุรกิจรถไฟฟ้าจะมีการเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญทั้งรายได้และโครงสร้างธุรกิจ”
มังกรเลิกซ่อนกายแล้ว ดังนั้น เจ้าสัวคนดังจึงขายฝันที่ใหญ่กว่าเดิมต่อไปอีกว่า BTS ยังมองหาการบริหารการเดินรถไฟฟ้าในต่างประเทศด้วย เพราะเป็นช่วงเวลาที่บริษัทมีความพร้อม และมีประสบการณ์กว่า 20 ปี ทำให้มีความชำนาญในการลงทุนและเดินรถไฟฟ้า และรถไฟด้วย
ข้อมูลที่ไม่มีกั๊ก ถูกเปิดออกมาว่า ขณะนี้ BTS อยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนและเดินรถระบบรถไฟฟ้าในเมืองจีนที่คาดว่าจะให้สัมปทานเดินรถประมาณ 25-30 ปี ครอบคลุมใน 40 จังหวัด ซึ่งได้เจรจาเบื้องต้นแล้ว โดยภายในปีนี้จะได้ความชัดเจนของการเจรจาคาดว่าใช้งบลงทุนระดับหมื่นล้านบาท หลังจากที่เจ้าสัวคีรี ได้ไปซุ่มศึกษาไว้ตั้งแต่ เมื่อ 50 ปีก่อนและคาดว่า ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือในช่วงเดือนก.ค.นี้ น่าจะมีอะไรชัดเจน
แม้จะบอกอ้อมๆ ว่า ประเทศไทยเล็กเกินไปสำหรับ BTS แต่เจ้าสัวก็ยังไม่ลืมย้ำว่า ลำดับความสำคัญของ BTS ยังเป็นเมืองไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง…
ปากหวานอีกแล้ว …ตามประสา เจ้าสัวระดับมังกรที่เคยซ่อนกายเพราะบาดเจ็บมาก่อน
ความมั่นใจนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ BTS มีกองทุนโครงส้รางพื้นฐานอย่าง BTSGIF รองรับความเสี่ยงและสภาพคล่องอยู่แล้วนั่นเอง ทำโครงการมาเท่าใด ก็ขายทรัพย์สินเข้ากองทุนตามต้องการ แถมยังมีรายได้เสริมจากที่ดินจำนวนมหาศาลให้หากำไรได้ต่อเนื่อง จากการที่ BTS ร่วมลงทุนกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บนที่ดินเปล่าในมือมูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท
มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้…อันนี้ เจ้าสัวคีรี ไม่ได้พูด แต่ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักกล่าวในท่วงทำนองเดียวกัน
บางสำนักถึงขั้นระบุว่า ให้ “มองข้าม” ผลการดำเนินงานสิ้นสุดปี 2560 ที่ผลการดำเนินงานจะไม่ดีนัก คือคาดว่าลดลง 30% แต่ให้ซื้อเพื่อหวังผลจากข่าวดีในปี 2561 แทน เพราะการรับรู้เรื่องรถไฟฟ้าและกำไรจากโอนคอนโดฯที่ร่วมทุนกับ SIRI ทำให้คาดการณ์กำไรต้นปี 2561 จะกำไรเติบโตมากถึง 56% และปีถัดมา 2562 เพิ่มได้อีก 47%
มังกรอย่างเจ้าสัวคีรี จึงไม่จำเป็นต้องซ่อนเร้นความสำเร็จอีกต่อไปแล้ว
อิ อิ อิ