THAI ตั้งเป้า cabin factor Q2/58 ไม่ต่ำกว่า Q1/58 ที่ 76%
THAI เผยไตรมาส 2/58 ตั้งเป้าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ไม่น้อยกว่า 76% ในไตรมาส 1/58 ซึ่งกระเตื้องขึ้นจากปี 57 ที่ Cabin Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 68.9% หรือเพิ่มขึ้นมาประมาณ 7% ทั้งนี้ยอดจองล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาอย่างต่ำ 4,000 คน และอาจจะถึง 8,000 คน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/58 ตั้งเป้าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ไม่น้อยกว่า 76% ในไตรมาส 1/58 ซึ่งกระเตื้องขึ้นจากปี 57 ที่ Cabin Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 68.9% หรือเพิ่มขึ้นมาประมาณ 7% ทั้งนี้ยอดจองล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาอย่างต่ำ 4,000 คน และอาจจะถึง 8,000 คน
โดยวันนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ขายเครื่องบิน จำนวน 8 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบิน A300-622 จำนวน 5 ลำ และ A330-320 จำนวน 3 ลำ ในราคาใกล้เคียงตลาด คาดจะส่งมอบและรับรู้รายได้ในเดือนพ.ค.หรือไม่เกิน มิ.ย.58 ทั้งนี้ เครื่องบินที่ขายได้นั้นเป็นเครื่องบินที่รอขายตั้งแต่ธ.ค.57 จำนวน 22 ลำ
ขณะเดียวกันในสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้ประกาศโครงการพิเศษสมัครใจออกก่อนกำหนดสำหรับพนักงานทั่วไป ไม่รวมนักบินและลูกเรือ โดยตั้งงบประมาณจำนวน 5,500 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อลดจำนวนบุคคลากรตามแผนปฏิรูปองคก์กร
อย่างไรก็ดี สำหรับความคืบหน้าการเดินหน้าปฏิรูปองค์กรเป็นไปตามแผน ตั้งแต่ม.ค.-มี.ค. ที่เริ่มลดเส้นทางบินที่ขาดทุน ลดขนาดฝูงบิน และลดแบบเครื่องบินจาก 11 แบบเหลือ 8 แบบ และลดบุคคลากร ส่วนแผนลดค่าใช้จ่ายยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นจึงยังลดค่าใช้จ่ายได้ไม่มาก ส่วนการปรับองค์กรยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา ยังไม่ถึงเวลา รวมถึงหน่วยธุรกิจต่างๆ อยู่ระหว่างการวางแผน คาดว่าแต่ละหน่วยธุรกิจจะส่งแผนงานชัดเจนมาภายในไตรมาส 2/58
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าหากเดินได้ตามแผนปฏิรูปองค์กร คาดว่าในเดือนม.ค.59 หรืออีก 1 ปีคาดว่าจะเห็นกำไร 70% ของกำไรในปี 60 ซึ่งแผนงานใช้เวลา 2 ปี ส่วนผลกำไรในปี 58 ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนน้ำมันลดลง 20%
ส่วนกรณีองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่เข้าตรวจสอบกรมการบินพลเรือนของไทย และให้แก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ(SSC) นั้นได้ส่งผลให้เครื่องบินของการบินไทยถูกตรวจสอบถี่ขึ้น 4 เท่า ในทุกสนามบิน โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาตรวจสอบ 5 ครั้งเพิ่มเป็น 20 ครั้ง ทั้งในสนามบินในสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน แต่ไม่ได้รับรายงานว่าการตรวจสอบดังกล่าวส่งผลกระทบจนทำให้เครื่องบินดีเลย์ออกไป