STEC คาดรายได้ปี 61-62 แตะ 3 หมื่นลบ.หลัง backlog ทะลุแสนลบ.

STEC คาดรายได้ปี 61-62 แตะ 3 หมื่นลบ.หลัง backlog ทะลุแสนลบ.


นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า คาดรายได้ของบริษัทจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยแตะระดับ 3  หมื่นล้านบาทในปี 61-62 จากปี 60 ที่คาดรับรู้รายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 59 ที่ทำรายได้ 1.86 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากงานในมือ (Backlog) ที่สูงขึ้นมาก โดย ณ วันที่ 17 ม.ค.60 อยู่ที่ระดับ 1.05 แสนล้านบาท ซึ่งรวมงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่รอเซ็นสัญญาอยู่กว่า 4 หมื่นล้านบาทด้วย

และขณะนี้ Backlog เหลืออยู่ราว 1 แสนล้านบาท โดยรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 1/60 ไปแล้วราว 5 พันล้านบาท ส่วน Backlog ที่เหลือสามารถรับรู้ฯ ในช่วง 4 ปี เป็นสัดส่วนงานของภาคเอกชนราว 54% ซึ่งมีงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่เป็นงานรับช่วงจากกลุ่ม BSR จึงทำให้สัดส่วนสูงขึ้น ขณะที่งานภาครัฐมีสัดส่วน 46%

“เชื่อว่าจาก Backlog 1 แสนล้านบาท เป็นก้าวสำคัญของการเติบโตจากที่ทำรายได้ราว 2 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าในปี 61-62 รายได้เราจะขึ้นหลัก 3 หมื่นล้านบาท ถ้ามีโครงการภาครัฐออกมาประมูลต่อเนื่อง คิดว่ารักษาระดับงานใหม่ 3 หมื่นล้านบาทได้ เราประมูลได้อีก รายได้เราก็มีโอกาสเติบโตขึ้นมาเป็น 4 หมื่นล้านบาทได้”นายภาคภูมิ กล่าว

ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาประมาณ 3 หมื่นล้านบาท คาดหวังงานใหญ่ของภาครัฐที่จะออกมาประมูล ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางที่ได้แยกงานโยธาออกมาจากระบบอาณัติสัญญาณ ทั้งนี้ STEC คาดว่าจะได้งานราวครึ่งหนึ่งของงานโยธารถไฟทางคู่ 5 เส้นทางที่มีมูลค่ารวมราว 7-8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) มูลค่าราว 1.3 แสนล้านบาทด้วย

นายภาคภูมิ กล่าวว่า ในปี 59 ที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จงานที่เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งชนะประมูลมาราว 6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีสถิติได้งาน 20-25% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล และได้งานมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม STEC ยังมีงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่าโครงการ 1,228 ล้านบาท ที่ล่าช้าออกไปมาก เพราะรัฐไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนด แต่ก็ได้มีการขยายเวลาสัญญาออกไป คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จสิ้นปี 62 ขณะนี้งานก้าวหน้าไปแล้ว 36% ยังเหลืองานอีกมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท นายภาคภูมิ ยอมรับว่างานส่วนนี้ไม่มีกำไร หรือ มีอัตรากำไร 0% ซึ่งถ่วงน้ำหนักในภาพรวมกำไรบ้าง ขณะเดียวกันบริษัทอาจจะพิจารณาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับภาครัฐที่ทำให้งานล่าช้าไป 3 ปี

ทั้งนี้ นายภาคภูมิ คาดว่า ปีนี้บริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงปีก่อนอยู่ที่ 7.9% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าอยู่ที่ 9% ใกล้เคียงปี 59 ที่อยู่ในระดับ 8.9%

ขณะที่บริษัทจะเดินหน้าแผนงานเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำเป็น 10-20% ภายใน 10 ปี ล่าสุดเตรียมเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทติดตั้งบนพื้นดิน ขนาดกำลังการผลิต 154.98 เมกะวัตต์ ในเมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบมจ.ไทยโซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) ในสัดส่วน 40% ของมูลค่าโครงการรวม 1.96 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้จะนำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการบริษัทเพิ่มเติม

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ STEC  ได้เข้าลงทุนหุ้น TSE สัดส่วน 10%

นอกจากนี้ STEC เข้าร่วมทุนกลุ่มกิจการค้าร่วมค้า BSR ในสัดส่วน 15% เพื่อเข้ารับงานก่อสร้างและเดินรถไฟฟ้าที่ได้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองระยะเวลา 30 ปี ซึ่งจะเป็นรายได้ประจำให้บริษัทอีกทางหนึ่ง เบื้องต้นคาดอัตราผลตอบแทน (IRR) แต่ละโครงการอยู่ที่ 8% และคาดจำนวนผู้โดยสาร 1 แสนเที่ยวคน/วัน

Back to top button