GL ลูกหนี้-เจ้าหนี้ เอื้ออาทร
ผู้บริหารของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ทำเรื่องเซอร์ไพรส์อีกครั้ง
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ผู้บริหารของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ทำเรื่องเซอร์ไพรส์อีกครั้ง
การที่ GL ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทได้รับชำระดอกเบี้ยจากการปรับปรุงกระบวนการออกใบแจ้งหนี้ และการเรียกชำระหนี้ ทางบริษัทลูกในสิงคโปร์ Group Lease Holdings Pte.Ltd. หรือ GLH ได้รับชำระดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง…ตามประสาบริษัทที่ไม่ธรรมดา
รายละเอียดบอกว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา GLH ได้รับโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ GLH จากผู้กู้กลุ่มไซปรัส เพื่อชำระดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ของผู้กู้แต่ละราย ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.60 รวม 1.53 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา GLH ได้รับโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารจากผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ เพื่อชำระดอกเบี้ยและค่าบริการให้คำปรึกษา ตามสัญญาเงินกู้ของผู้กู้แต่ละราย ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.60 รวม 2.63 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา GLH ยังได้รับการรับชำระเงินกู้คืนล่วงหน้า รวมทั้งดอกเบี้ยค้างรับทั้งหมด ซึ่งคิดคำนวณจนถึงวันที่ชำระเงินคืนล่วงหน้าตามสัญญาเงินกู้ จากผู้กู้กลุ่มไซปรัส โดยได้รับชำระผ่านทางการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ GLH จำนวน 12.68 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ หลักประกันทั้งหมดซึ่งให้ไว้ตามสัญญาเงินกู้ของผู้กู้กลุ่มไซปรัส ยังคงเป็นหลักประกันเพื่อประกันการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กู้กลุ่มไซปรัส ตามสัญญาเงินกู้ จนกว่า GLH จะได้รับชำระเงินกู้ค้างชำระและดอกเบี้ยเต็มจำนวน
การที่ลูกหนี้ซึ่งมีเพียงแค่ 2 กลุ่มหลัก พากันคืนหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระเร็วกว่ากำหนดนั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ดีในระยะสั้น…แต่มีคำถามในระยะยาว…เพราะเงินที่ลูกหนี้คืนมานั้น มีที่มาจากการออกตราสารหนี้ของ GL ที่มีต้นทุนขั้นต่ำร้อยละ 5% ขึ้นไปทั้งสิ้น คงจะต้องไปเที่ยวหา “ที่ลงใหม่” จากลูกค้ารายอื่นๆ
หากยังไม่ลืมกัน ตามเอกสารของ GL ระบุเองว่าในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 กลุ่มลูกค้าสิงคโปร์ มียอดดอกเบี้ยค้างชำระ 2,201,134 ดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินกู้รวม 56,346,950 ดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯอ้างว่า มีหลักประกันมูลค่ารวม 140,043,405 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าหักหุ้นสามัญของ GL จะมีมูลค่าหลักประกันเพียงแค่ 30,101,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนในกลุ่มลูกค้าไซปรัส มีข้อมูลระบุว่า ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ทำนองเดียวกันว่า มียอดดอกเบี้ยค้างรับ 2,201,134 ดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินกู้รวม 41,779,071 ดอลลาร์สหรัฐ ที่บริษัทอ้างว่า มีหลักประกันมูลค่ารวม 43,149,551 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าหักหุ้นสามัญของ GL จะมีมูลค่าหลักประกันเพียงแค่ 23,698,202 ดอลลาร์สหรัฐ
หากพิจารณาลงลึกของการ “คืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระก่อนกำหนด” ของลูกหนี้ 2 กลุ่มหลักของ GLH (ซึ่งก็กลายกลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใน GL ด้วยและได้นำหลักทรัพย์ส่วนหนึ่งที่เป็นหุ้นของบริษัทฯมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ยืมจากบริษัทย่อยดังกล่าว) จะสังเกตได้ไม่ยากเลยว่า มีความผิดปกติ 3 ประเด็นที่บรรดา “ชาวดอย” ที่ยังคงถือหุ้น GL ในราคาแพงลิ่ว…ด้วยความคาดหวังว่าราคาจะกลับไปที่เหนือ 50.00 บาทครั้งใหม่ในเร็ววัน …ดังนี้คือ
- ดอกเบี้ยที่รับชำระเป็นเพียงรายการที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ 1 มกราคม 2560-31 มีนาคม 2560 เท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระ ก่อนหน้าตามงบ ณ 31 ธันวาคม 2559 ยังไม่ได้รับ สูงถึง 268,469,717 ล้านบาท
- ส่วนเงินต้น ก็มีการชำระแค่บางส่วน แถมมีบริษัท Adalene Limited (ในกลุ่มไซปรัส) ได้รับการปล่อยกู้เพิ่มให้ไปอีกในช่วง 23 มกราคม 2560 อีก 26 ล้านเหรียญสหรัฐเงินกู้ที่ยังคงค้างยังอยู่อีก 29,598,266 เหรียญสหรัฐ
- ไม่มีการกล่าวถึงคำว่า penalty fee เลย ทั้งที่ว่าไปแล้ว ในวงการปล่อยเงินกู้แบบที่ใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ (flat-rate interests) ของสถาบันการเงินไม่ว่าประเภทไหนๆ จะต้องคิดคำนวณเอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันความเสียหายจากรายได้อนาคตที่จะลดลง เพราะการคืนหนี้ของลูกค้าเร็วกว่ากำหนด
ถือว่า งานนี้ เจ้าหนี้แสนจะกรุณาต่อลูกหนี้ที่คืนหนี้เร็วกว่ากำหนด..โดยไม่รู้สาเหตุ
เอื้ออาทรกันดี ทั้งฟากเจ้าหนี้และลูกหนี้ คงเจริญมั่นคงไปอีกยาวนาน…หากไม่มีเหตุขัดข้องที่ไม่คาดล่วงหน้าเสียก่อน
สมเจตนา…ของผู้ที่เกี่ยวข้อง
“อิ อิ อิ”