THANI กำไรแข็งแกร่ง

การแข่งขันในธุรกิจลิสซิ่งและเช่าซื้อยังคงรุนแรงต่อเนื่อง เนื่องจากสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงกิจการลิสซิ่งและเช่าซื้อของผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มุ่งเน้นการทำตลาดไปที่สินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งรถใหม่และรถมือสอง


คุณค่าบริษัท

 

การแข่งขันในธุรกิจลิสซิ่งและเช่าซื้อยังคงรุนแรงต่อเนื่อง เนื่องจากสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงกิจการลิสซิ่งและเช่าซื้อของผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มุ่งเน้นการทำตลาดไปที่สินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งรถใหม่และรถมือสอง

ทำให้ผู้ประกอบการบางรายมีการปรับตัวและขายสัดส่วนไปยังการให้สินเชื่อรถยนต์มือสองมากขึ้นแต่ผู้ประกอบเหล่านี้ก็ยังไม่ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ  THANI เนื่องจากกลุ่มตลาดเป้าหมายหลักของบริษัทเป็นกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ทั้งรถใหม่และรถเก่า ซึ่งการแข่งขันในกลุ่มนี้ยังไม่รุนแรงเมื่อเปรียบเทียบตลาดรถยนต์ส่วนบุคคล

สิ่งสำคัญ THANI มีประสบการณ์อันยาวนานและความชำนาญในธุรกิจ บริษัทยังใช้ความได้เปรียบนี้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้างความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์และการให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้จำหน่ายรถยนต์มือสอง การให้บริการที่รวดเร็วทันใจสำหรับลูกค้า ซึ่งผลดังกล่าวยังคงทำให้บริษัทรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 ยังออกมาแข็งแกร่ง แม้จะมีการตั้งค่าสำรองหนี้เสียพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 788.45 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 724.21 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 245.81 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 209.56 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น

ผลกำไรก่อนการตั้งสำรองออกมาที่ 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อน โดยมีแรงสนับสนุนหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยที่ลดลง และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ลดลงเช่นกัน

พอร์ตสินเชื่อของ THANI ยังคงเติบโตได้ดี โดยเพิ่มขึ้น 4.8% จากต้นปีถึงปัจจุบัน ในไตรมาส 1 ปี 60 และจากการลดลงของต้นทุนทางการเงิน NIM จึงขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 5.1% จากเดิมที่ 5.0% ในไตรมาส 4 ปี 59

สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาเหลือ 21% ในไตรมาส 1 ปี 60 เป็นผลมาจากการประหยัดต่อขนาด

ค่าการตั้งสำรองหนี้เสียลดลง 3% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน นั้นไม่ได้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของ NPL แต่เป็นการตั้งไว้เผื่อสำหรับการบังคับใช้ IFRS9 ในปี 2563

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ยังคงชอบ THANI และเชื่อว่าบริษัทจะสามารถขยายสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงส่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และการขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์ในระยะกลางถึงยาว และมีแรงสนับสนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง คงคำแนะนำ “ซื้อ”  ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน)    1,574,951,400 หุ้น     65.18%
  2. THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED    107,670,000 หุ้น     4.46%
  3. นายเจริญสุข กิจอิทธิ    89,657,318 หุ้น     3.71%
  4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด    65,884,468 หุ้น     2.73%
  5. นางเนาวนารถ จามรมาน    22,800,000 หุ้น     0.94%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการ
  2. นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการบริหาร
  3. นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ
  4. นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการ
  5. นายเจริญสุข กิจอิทธิ กรรมการ

Back to top button