TRC รอจน(เกือบ)ตายด้าน?
ราคาหุ้นของ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ไม่หือไม่อือกับข่าวดีเรื่องการประชุมของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT เอาเสียเลย
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ราคาหุ้นของ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ไม่หือไม่อือกับข่าวดีเรื่องการประชุมของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT เอาเสียเลย
คำอธิบายง่ายๆ คือ รอมานานเกินไปจนรู้สึกด้านชา กับข่าวดีที่จะเกิดขึ้น…ข่าวที่มาช้า คือข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีเสมอ แม้ว่าสาระสำคัญจะดีเด่นเพียงใดก็ตาม
TRC เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) มา 2 ปีแล้ว โดยเข้าถือหุ้นลงทุน จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด …ในสัดส่วนถือครอง 25%…เพื่อแปลงกายจาก “ผู้รับเหมาก่อสร้าง” เป็น “ผู้ถือหุ้นส่วนร่วมลงทุน” แบบถือหมวก 2 ใบพร้อมกัน
ตามกำหนดการของ APOT ระบุว่ามีการประชุมแบ่งออกเป็นวาระสำคัญต้องพิจารณา 3 เรื่องคือ
- การใส่เงินเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นแต่ละรายตามสัดส่วน เพิ่มทุนของ APOT ที่ค้างคามานานกว่า 2 ปี เพราะกระทรวงการคลังไทยไม่นำเงินมาเพิ่มทุนตามสัดส่วน
- การอนุมัติขอกู้เงิน 3.5 หมื่นล้านบาท จากสถาบันการเงิน 3 ราย ที่สนับสนุนสินเชื่อในครั้งนี้ คือ 1) ธนาคารไอซีบีซี จากประเทศจีน 2) ธนาคารกรุงไทย (KTB) และ 3) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- เซ็นสัญญากับ TRC เพื่อก่อสร้างโครงการอาเซียนโปแตชชัยภูมิ มูลค่าโครงการประมาณ 34,089 ล้านบาท ประกอบด้วย การก่อสร้างโรงงานผลิตแร่โปแตช อาคารสำนักงาน และสถานีจ่ายไฟฟ้า รวมถึงงานระบบสาธารณูปโภค
เรื่องสุดท้ายนี่แหละที่บรรดาผู้ถือหุ้นของ TRC พากันรอมานานกว่า 1 ปี…รอจนทนไม่ไหว หรือรอจนล้า…และรอจนตายด้าน
ยุทธศาสตร์ของ TRC ภายใต้ผู้ก่อตั้ง นายสมัย ลี้สกุล และทายาท นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบัน ในการแปลงตนเองจากผู้รับเหมามาเป็นผู้ลงทุน ถูกกำหนดมาชัดเจน
ในแผนธุรกิจของ TRC ที่กำหนดมาตั้งแต่ต้นปี 2559 TRC ตั้งเป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2562 แต่การสร้างรายได้ดังกล่าว จะทำไม่ได้ หรือไม่ง่ายเลย หากยังคงแน่วแน่ที่จะหากินอยู่บนเส้นทางเดิมคือ รับเหมาก่อสร้าง ที่มีจำนวนคู่แข่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและนอกประเทศตกอยู่ในอาการซบเซา
ที่ผ่านมา TRC ดำเนินธุรกิจ 4 ประเภท ประกอบด้วย 1.ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานวางระบบท่อ 2.ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี 3.ธุรกิจพัฒนาโครงการและการลงทุน และ 4.ธุรกิจต่างประเทศ โดยสองกิจการแรกมีสัดส่วนรายได้ 49.84% และ 38.80% ตามลำดับ (ตัวเลข ณ สิ้นปี 2558)…แต่ทั้งหมดคือรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งรายได้ไม่คงที่
หลายปีมานี้ TRC ถูกท้าทายจากเหล่าผู้ประกอบการก่อสร้างงานวางระบบท่อสัญชาติไทย ที่นอกจากต้องเผชิญหน้ากับ ‘ความเสี่ยงสูง’ และ ‘ผลตอบแทนต่ำ’ยังต้อง “ฟัน” ราคาประมูลสู้คู่แข่งจากต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาข้ามพรมแดนจากจีน และอินเดีย เป็นต้น
นอกจากนั้น หน่วยงานของภาครัฐยังเริ่มชะลอการเปิดประมูลโครงการขนาดกลางออกไป เน้นเปิดประมูลเพียงโครงการขนาดใหญ่
ทั้งสองประเด็นทำให้ทางเดินบนเส้นทางผู้รับเหมาที่เคยช่ำชองเริ่มเกิดอาการขรุขระมากขึ้น ทางเลือกในการลุกขึ้นมาจัดบ้านใหม่ ด้วยการหันไปเพิ่มน้ำหนักกับยุทธศาสตร์ ‘ธุรกิจพัฒนาโครงการและการลงทุน’ มากขึ้น ซึ่งหน่วยธุรกิจนี้ เริ่มจัดตั้งในปี 2550 เพื่อพัฒนาและร่วมลงทุนในระยะยาว สำหรับงานประเภทพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และโรงปิโตรเคมี
หลายปีนี้ TRC มีแผนลงทุนในท่อธุรกิจที่วางเอาไว้ให้พิจารณา และศึกษาความเป็นไปได้หลายอย่าง เช่น โครงการเขื่อนพลังงานไฟฟ้าสตึงนัม ประเทศกัมพูชา, โครงการลงทุนในสัมปทานขนาดใหญ่ และโครงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมพลังงานในต่างประเทศ …แน่นอนรวมถึงเหมืองโปแตชที่ชัยภูมินี้ด้วย
บทบาทของผู้ร่วมลงทุน/ผู้รับเหมา ที่เดินควบคู่ไปนี้ หากบรรลุไดก็ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่โดดเด่น ทำนองเดียวกันกับค่าย CK ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว…เพียงแต่ทุกคนย่อมมีเส้นทางของตนเอง
โครงการลงทุนร่วมใน APOT มีส่วนสร้างสตอรี่ดันราคาหุ้นของ TRC ต้นปี 2559 พุ่งกระฉูด แต่แล้วก็กลายเป็นฝันค้าง เพราะรอแล้วรออีก…เดินหน้าต่อไม่ได้ เนื่องจาก กระทรวงการคลังไทยในฐานะผู้ถือครองหุ้นระดับสัดส่วน 20% ไม่ยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาตามสิทธิ์ ทำให้โครงการล่าช้า …จนกระทั่งคนถือหุ้นใจร้อนใน TRC ทนไม่ไหว…ระอาลาจากกันไปมากมาย เพราะมองไม่เห็นอนาคต
ราคาหุ้น TRC ที่วิ่งรับข่าวล่วงหน้า เลยกลายเป็น “ติดยอดดอย” ตามๆ กัน
ข่าวดีที่จะเกิดขึ้นหลังการประชุม 27 เมษายนนี้ ของ APOT จึงได้รับการหมางเมินมากทีเดียว หุ้น TRC บวกไปไม่มาก วอลุ่มที่โผล่มาก็แวบเดียวเท่านั้น…ไม่สมกับเป็นข่าวที่รอคอย
ข่าวที่มาช้า ก็เป็นอย่างนี้…แต่ยังไงก็เป็นข่าวดี เพราะตอนนี้นักวิเคราะห์ระดับเสือปืนไว พากันปรับราคาเป้าหมายใหม่แล้วว่า ปีนี้อยู่ที่ 2.16 บาท จาก P/E 16.5 เท่า และปีหน้าจะอยู่ที่ 2.36 บาท
เชื่อหรือไม่ สุดแท้จะตัดสินใจ
“อิ อิ อิ”