ข่าวดีการบินไทย (โดยนักวิเคราะห์)

พลวัตปี 2017 : วิษณุ โชลิตกุล

เมื่อวานนี้ ราคาหุ้นของผู้ดำเนินการสายการบินแห่งชาติ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ถูกดันขึ้นมาชนิดน่าประหลาดใจบวกไปถึง 18% ด้วยมูลค่าซื้อขายมากถึง 3.8 พันล้านบาท ซึ่งถือว่ามากเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายรวมของตลาดหุ้นไทยที่ยังเบาบาง 3.9 หมื่นล้านบาท

การวิ่งแรงดังกล่าวในขณะที่ค่าพี/อีของหุ้นการบินไทยอยู่ที่ระดับ 2,537 เท่า ทำให้หลังปิดตลาดวานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ขึ้นเครื่องหมาย Trading Alert เพื่อให้ใช้เกณฑ์ Cash Balance ของหุ้นดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 5-25 พฤษภาคม

คำอธิบายโดยนักวิเคราะห์หุ้นไทย ถึงปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นที่ร้อนแรงของการบินไทยวานนี้หลากหลายด้าน หนึ่งในคำอธิบายคือ แรงซื้อที่เข้ามาเกิดจากข่าวบริษัทเตรียมรับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่  (AOC) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย  (กพท.) ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ร่วมกับอีก 5 สายการบินอื่นๆ แล้วลุกลามเป็นแรงซื้อในกลุ่มของหุ้นสายการบิน ที่ตอบรับปัจจัยบวก

อีกด้านหนึ่งก็มีนักวิเคราะห์บางสำนักระบุว่า แรงซื้อเกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุน เนื่องจากคาดว่าผลกำไรของในงวดไตรมาสแรกจะพลิกเป็นกำไรได้ โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/59 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,462 ล้านบาท

กำไรสุทธิดังกล่าวหากเทียบกับไตรมาสแรกปีก่อนที่มีกำไรสุทธิกำไรอยู่ที่ 5,999 ล้านบาท เพราะยังมีปัจจัยลบที่แอบแฝงที่กระทบต่อยอดนักท่องเที่ยว ในปีนี้ภาพโดยรวมของ THAI จะดูดีขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2560 จะอยู่ที่ 3,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้เป็นแค่การคาดเดาเพื่อเกมราคาหุ้นธรรมดาระยะสั้นเท่านั้น เพราะโดยพื้นฐานของการบินไทยนั้น ยังเป็นที่รับทราบกันดี ว่ายังเปราะบางอย่างมาก เนื่องจากในการดำเนินงานปกตินั้น บริษัทไม่เคยมีกำไรเลยมานานหลายไตรมาสจนเป็นปกติ โดยไม่มีใครสอบค้นในรายละเอียดถึงที่สุดว่าเบื้องลึกของการขาดทุนเรื้อรังในการดำเนินงานนั้นเกิดจากปัจจัยขาดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจการบินพาณิชย์

เพียงแต่ความเปราะบางดังกล่าวถูกลบเกลื่อนและลดทอนลงจากตัวเลขทางการเงินในบางไตรมาส ที่เกิดข้อยกเว้นให้มีกำไรพิเศษเข้ามาทำให้กำไรสุทธิเป็นบวกอำพรางไว้

หากพิจารณาลงลึก จะพบว่า กำไรพิเศษของ THAI มักซ้ำซากกับปัจจัยหลัก 2 อย่างเท่านั้นคือ 1) ลดต้นทุนการเงินหลากรูปแบบ 2) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เพิ่งจะมีไตรมาสแรกของปี 2559 ที่มีกำไรพิเศษแปลกๆ เช่น จากการบันทึกกลับเพราะไม่ต้องบันทึกการด้อยค่าของทรัพย์สินที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์

ไตรมาสไหนไม่มีกำไรพิเศษดังกล่าวเข้ามา การบินไทยก็จะกลับมา “ขาดทุนตามปกติ” เหมือนเดิม

ผลงานทิ้งทวนของอดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินแห่งชาติ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI โดยที่งบสิ้นงวดปี 2559 มีตัวเลขกำไรสุทธิเพียง 15 ล้านบาท แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้

ที่ผ่านมา ผู้บริหารของการบินไทย มักจะอ้างแบบย้ำคิดย้ำทำว่า ผลของโครงการลดต้นทุนภายในองค์กรอย่างเข้มงวด และรับประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลง จะทำให้อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรดีขึ้นจากอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร แต่ก็พร้อมจะพลิกลิ้นกลับมาอ้างเมื่อตัวเลขขาดทุนปรากฏขึ้นมาว่า เป็นเพราะสถานการณ์ “โลว์ซีซั่น” และบอกแบบให้สัญญาลมๆ แล้งๆ แบบลิงหลอกเจ้า ว่า “…บริษัทจะพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาสถัดไป”

ยอดรายได้รวมเกือบ 2 แสนล้านบาทในแต่ละปี แต่มีกำไรน้อยนิดหรือสลับกับขาดทุนหนัก ทำให้ตัวเลขขาดทุนสะสมของการบินไทยไม่เคยกระเตื้อง และย่ำอยู่ที่ระดับ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งตัวเลขการขาดทุนสะสมมากขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความเชื่อว่า การบินไทยได้เป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร

ไม่เพียงเท่านั้น ฐานะการเงินที่ย่ำแย่ ยังทำให้สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทค่อนข้างเลวร้าย เพราะ 2 ปัจจัยลบหลักปัจจัยแรกคือ สภาพคล่องที่ย่ำแย่ เพราะตัวเลขสัดส่วน current ratio อยู่ที่ระดับ 0.6 เท่า ต้องพึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นจาก 2 แหล่ง คือ เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 2.0 พันล้านบาท และ เงินกู้ยืมระยะสั้นจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน มาประคองเอาไว้

ส่วนปัจจัยหลังคือ ตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ค่า ดี/อี) ที่ยังคงเลวร้ายน่าเสียวไส้ต่อไปที่ระดับ 7.3 เท่า จากยอดนี้สินรวม 2.49 แสนล้านบาท เทียบกับส่วนผู้ถือหุ้นแค่ 3.35 หมื่นล้านบาท

ตัวเลขทางการเงินที่ชวนสยองของการบินทไย จึงหักล้างบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ลงใกล้เคียงกับศรีธนญชัยโดยปริยาย