ACAP กระดูกแขวนคอ
จู่ๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี หรือ น้องเค้ก ซีอีโอหญิงเก่งของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ก็มีงานเข้าจังเบอร์ ทั้งที่ธุรกรรมเดินหน้าไปราบรื่น เพราะถูก ก.ล.ต.สั่งการให้บริษัทชี้แจงต่อนักลงทุน กรณีปล่อยกู้ให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
จู่ๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี หรือ น้องเค้ก ซีอีโอหญิงเก่งของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ก็มีงานเข้าจังเบอร์ ทั้งที่ธุรกรรมเดินหน้าไปราบรื่น เพราะถูก ก.ล.ต.สั่งการให้บริษัทชี้แจงต่อนักลงทุน กรณีปล่อยกู้ให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ
เรื่องมีอยู่ว่าปลายปี 2559 ACAP ได้ปล่อยกู้ในวงเงินจำนวน 300 ล้านบาท ให้กับ บริษัท โอริออน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกโดยที่ทางลูกค้ารับเงินไปบางส่วนก้อนแรก และจะทยอยเบิกตามแผนการก่อสร้างโครงการ ซึ่งกำหนดเดิมจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 60 ที่จะทำให้มูลค่าโครงการดังกล่าวพุ่งเป็น 1.278 พันล้านบาท…วิน-วิน ทุกฝ่าย
ขณะที่เมื่อได้มีการปล่อยกู้ ทาง ACAP ได้หักดอกเบี้ยกู้ยืมที่คิดเป็น 12% ต่อปีทันที ซึ่งก็เป็นไปตามกฎหมาย
ปมประเด็นที่ตามมาก็คือ เรื่องของหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ นอกเหนือจากหลักทรัพย์ที่สำคัญตามปกติ คือ เอกสารโฉนดที่ดิน ปรากฏว่าทางโอริออนฯ ได้มีการนำหุ้นบริษัทมาทำสัญญาจำนำด้วย
หุ้นที่ว่านี้แหละที่ผู้ถือหุ้นบางกลุ่มของทางโอริออนฯ ที่อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นถูกกฎหมาย ระบุว่าเป็นการยักยอกทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร โดยเฉพาะหุ้นที่นำไปจำนำยังอยู่ในชั้นกระบวนการพิจารณาของทางศาล จึงแจ้งต่อ ก.ล.ต. เพื่อขอให้ตรวจสอบสัญญาเงินกู้ที่มีผู้ถือหุ้นอีกฝ่าย เป็นผู้ยื่นกู้
ข้อกล่าวหาอย่างนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์ของ ACAP โดยตรงในส่วนที่เกี่ยวกับธรรมาภิบาล …เสียหายยับเยิน เพราะแม้จะยังแค่กล่าวหา แต่ทำให้ ACAP กลายเป็นจำเลยสังคมโดยปริยาย
งานอย่างนี้ น้องเค้ก จำต้องออกมา..แฉแต่เช้า…เพราะงานนี้มีเดิมพันสูง เนื่องจากกระเทือนไปถึงครอบครัวสุขเจริญไกรศรี ซึ่งทำธุรกิจหลายประเภทโดยเฉพาะในเขต “ชายขอบ” มายาวนาน รวมทั้ง คอสโม ออยล์ ธุรกิจบริการปั๊มน้ำมันที่ในภาคเหนือและอีสานคุ้นเคยกันดี
นับแต่เข้ามาบุกตะลุยประสาหญิงเก่งไฟแรงในธุรกิจไฟแนนซ์ที่ไม่ใช่ธนาคาร น้องเค้กมีส่วนทำให้ ACAP เติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากเปลี่ยนโครงสร้างของผู้ถือหุ้นเดิมของผู้ก่อตั้งนำโดย ดร.วิวัฒน์ วิทูรย์เธียร มาเป็นกลุ่มสุขเจริญไกรศรี (เปลี่ยนชื่อจากเดิม เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP เดิมเป็นชื่อปัจจุบัน สะท้อนฝีมือฉกาจกรรจ์เกินตัว ว่า “เชื้อไม่ทิ้งแถว”
ACAP ปัจจุบัน ไม่ทำตัวเงียบเชียบและขาดทุนต่อเนื่องกันมาหลายปีเหมือนเดิม หากแต่มีการขับเคลื่อนธุรกิจและปรับโครงสร้างองค์กรอย่างหนัก รุกหนักปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการระดับกลาง-ใหญ่มากขึ้น ทำให้ปี 2559 ของ ACAP จึงเป็นปีที่พลิกกลับชนิดโตแรงสวนทิศทางเศรษฐกิจไทย….เหนือคำบรรยายใดๆ
เพิ่งจะมาเจอเสี้ยนในรองเท้าเต็มจากกรณีโอริออนฯดังกล่าว…
คำอธิบายของ ACAP …โดยน้องเค้กลงมือเอง…ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ ระบุว่า การทำสัญญาเงินกู้ กับโอริออนฯ โดยกรรมการผู้มีอำนาจเต็มคือนายเฑียร คล้ายมาลากุณ ตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดย ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ทาง ACAP ได้อนุมัติเงินกู้ดังกล่าวตรวจสอบเอกสารหลักฐานทุกอย่างที่ผู้ขอกู้นำมาแสดง ประกอบด้วย โฉนดที่ดิน 7 แปลง (ซึ่งมีการดำเนินการขึ้นจำนอง เรียบร้อยตามกฎหมายแล้ว), แบบ บอจ.5 หรือสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น, หนังสือรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และรวมไปถึงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแล้ว รวมถึง…ใบหุ้นที่ลูกค้านำมาทำสัญญาจำนำ
เมื่อ ACAP อนุมัติเงินกู้ไปแล้ว ทางโอริออนฯก็รับเงินงวดแรกไป 115 ล้านบาท และเบิกเงินค่าก่อสร้างต่อมา 1 งวดอีก 7.49 ล้านบาท
ต่อมา วันที่ 13 มีนาคม 2560 นายเฑียรได้แจ้งต่อ ACAP ว่า มีกลุ่มบุคคลบางคนได้ปลอมแปลงเอกสารของโอริออนฯไปจดทะเบียนผู้ถือหุ้น รวมทั้งเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ โดยที่นายเฑียรไม่รู้เห็น และได้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวต่อศาลจังหวัดพัทยา เพื่อขอไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งศาลอนุญาต และเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการดำเนินการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
เมื่อทราบเรื่อง ACAP จึงระงับการเบิกเงินส่วนงานที่เหลือของโอริออนฯ และกำชับให้นายเฑียร ไปแก้ปัญหาภายในของโอริออนฯให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
ข้อเท็จจริงดังกล่าว ตรงกันข้ามกับข้ออ้างในกรณีที่มีคนอ้างว่า มีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐานทางราชการเพื่อนำมาขอกู้เงิน…ซึ่งเท่ากับว่า น้องเค้กและ ACAP ตกอยู่ในสภาพ “…เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่…เอากระดูกแขวนคอ..” โดยปริยาย
ข้อสรุปในเบื้องต้นคือ แม้ ACAP จะยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกรณี และ “…เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวน่าจะเกิดจากความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นด้วยกันเองมากกว่า…” ก็ไม่ได้ช่วยให้ปัญหานี้จบลงง่ายๆ เพราะอย่างน้อยสุดที่เห็นยามนี้ทันที คือ โครงการคอนโดมิเนียมเดินหน้าต่อไม่ได้
แต่น่าประหลาดใจนักหนาที่พอมีข่าวนี้ขึ้นโดยไม่มีใครสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงออกมาได้ทั้งหมด แต่ราคาหุ้น ACAP วานนี้กลับพุ่งกระฉูดทันที 3 ช่องหลังจากเปิดตลาด…แล้วก็ปิดตลาดบวกไป 0.50 บาท หรือ 2.44%
ให้มันรู้กันเสียมั่งว่า…ไผ เป็น ไผ…
“อิ อิ อิ”