JAS จำปา จำปูน และ..จำปี
ทันทีที่ ผู้บริหาร บลจ.บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน หรือ JASIF แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ว่ากองทุนดังกล่าว มีกำไรสุทธิก้าวกระโดด เติบโตมากถึง 175% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน คิดเป็นตัวเลข 3,411 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้นที่ 0.6203 บาท เพิ่มขึ้น 175.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 1,239 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นที่ 0.2255 บาท เสียงเฮก็ดังสนั่นในหมู่คนที่ถือหน่วยลงทุนนี้ และลามต่อไปถึงคนถือหุ้นแม่ลูก JAS และ JAS-W3
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ทันทีที่ ผู้บริหาร บลจ.บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน หรือ JASIF แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ว่ากองทุนดังกล่าว มีกำไรสุทธิก้าวกระโดด เติบโตมากถึง 175% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน คิดเป็นตัวเลข 3,411 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้นที่ 0.6203 บาท เพิ่มขึ้น 175.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 1,239 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นที่ 0.2255 บาท เสียงเฮก็ดังสนั่นในหมู่คนที่ถือหน่วยลงทุนนี้ และลามต่อไปถึงคนถือหุ้นแม่ลูก JAS และ JAS-W3
เสียงเฮแรกเกิดจากสามารถนั่งกระดิกเท้ารอรับเงินปันผลรายไตรมาส JASIF ที่ยังไงเสียต้องเพิ่มมาก เพราะกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นของ JASIF มาจากกำไรพิเศษ ซึ่งจะต้องเอามาจ่ายปันผลพิเศษ อย่างแน่….ยิ่งกว่าแช่แป้ง
ตัวเลขง่ายๆ เพราะกำไรสุทธิที่กระโดดนี้ ระบุว่า มาจากรายได้รวมปกติที่ไม่มากนัก ในไตรมาสที่ 1 เท่ากับเพียงแค่ 1,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อนเท่านั้น ที่เหลือมาจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อน แต่ที่เด่นมากสุดคือ กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน 2,044 ล้านบาท …โดยที่ในเดือนมีนาคม 2560 กองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงให้เป็นมูลค่ายุติธรรมใหม่ซึ่งเป็นมูลค่า 57,996 ล้านบาท จึงรับรู้กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวจำนวน 2,044 ล้านบาท
กำไรเพิ่มโดยไม่ต้องทำอะไร แค่ปรับราคายุติธรรมสินทรัพย์ใหม่ส่วนที่เป็นออฟติกไฟเบอร์เท่านั้น ไม่ถือว่าส้มหล่น แต่เป็นความชาญฉลาดของมุมมองต่อสินทรัพย์ ที่พ่อมดการเงินทั้งหลายเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
ทำเรื่องหญ้าปากคอกให้มีมูลค่าเพิ่มอย่างนี้ เสกเป่าคาถาอะไรก็สู้ไม่ได้….ต้องมือชั้นเซียนเท่านั้น
วิธีสร้างกำไรง่ายๆ ของ JASIF อย่างนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเลื่อนลอย แต่มีพื้นฐานรองรับ เพราะหากเจาะลึกลงไป จะพบว่า มาร์จิ้นจากการให้เช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงโดดเด่นทีเดียว ในปี 2560 นี้ โดยอัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาเช่าหลักเท่ากับ 425.81 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน อัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าเท่ากับ 751.43 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน (อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2559 ที่ประกอบโดยกระทรวงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 0.19% ดังนั้นอัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงสำหรับปี 2560 จึงเพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.19%) ขณะที่อัตราค่าบริหารดูแลและบำรุงรักษาทรัพย์สิน สำหรับปี 2560 เท่ากับ 212.18 บาทคอร์กิโลเมตรต่อปี … กำไรบานเบอะ
เสียงเฮครั้งที่สอง เกิดขึ้นเพราะ ใครก็รู้ว่า JAS นั้นถือหน่วยลงทุน JASIF มากถึง 1 ใน 3 เต็มตามอัตราส่วน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา JAS ได้ทำการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF มูลค่าประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท และเสี่ยพิชญ์ โพธารามิก ซีอีโอใหญ่ของ JAS นั่งยันนอนยัน ระบุว่า ไม่คิดขายออก เพราะไม่มีความจำเป็น และที่ผ่านมาเงินปันผลที่ได้จาก JASIF สามารถสร้างเป็นรายได้ประจำให้บริษัทเฉลี่ยปีละ 1.5-1.6 พันล้านบาท ตามปกติ
ยิ่งถ้า JASIF มีกำไรพิเศษอู้ฟู่อย่างนี้ เงินปันผลที่ JAS ได้รับ ก็น่าจะกระโดดขึ้นไปอีก… ไม่เฮ ก็ถือว่าตายด้านไปแล้ว
ที่สำคัญกำไรสวยๆ ของ JASIF (แม้จะเป็นกำไรพิเศษก็ช่างเถอะ) ซึ่งเปิดช่องให้ลุ้นว่า ไตรมาสสองนี้ JASIF จ่ายปันผลของไตรมาสแรกทำสถิติสูงสุด จะทำให้กำไร JAS ในไตรมาสสองโป่งพองแค่ไหน เป็นประเด็นสำคัญ เฉพาะระยะสั้นเท่านั้น
ในระยะกลาง ช่วยทำให้จินตนาการผู้ถือหุ้นของ JAS (รวมทั้ง JAS-W3) และ JASIF มองเห็นจุดเด่นของมติเร็วๆ นี้ของที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นปลายเดือนเมษายน ที่มีมติ 3 หัวข้อ ….ว่าเดินทางไม่ผิดแน่นอน
มติทั้ง 3 ข้อ ได้แก่
- อนุมัติให้ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เสนอขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่ม จำนวนไม่เกิน 980,000 คอร์กิโลเมตร ให้แก่ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) ที่บริหารโดย บลจ.บัวหลวง จำกัด โดยธุรกรรมการขายทรัพย์สินส่วนเพิ่มมีมูลค่ารวมประมาณ 5-7 หมื่นล้านบาท
- อนุมัติให้ JAS จะเข้าไปถือหน่วยลงทุน 1 ใน 3 ของ JASIF ในส่วนที่เพิ่มกองขึ้นมา ตามสูตร …และให้ JAS จองซื้อหน่วยลงทุนที่ออกใหม่ของ JASIF ที่คาดว่ามีมูลค่ารวมประมาณ 16,667-23,333 ล้านบาท
- อนุมัติให้ TTTBB เช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มจากกองทุน JASIF เพื่อนำไปใช้ประกอบธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ต่อไปประมาณ 12-15 ปี โดยธุรกรรมเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มมีมูลค่ารวมประมาณ 34,400-59,700 ล้านบาท
กำไรไตรมาสแรกของ JASIF ช่วยสร้างมุมมองว่า หากมติเดือนเมษายน สามารถบรรลุเป้าหมายทั้งหมด นอกจากในอนาคต จะทำให้บริษัทมีรายได้จาก JASIF ที่จะขยายกองใหม่ เข้ามาเพิ่มเป็นราว 3 พันล้านบาท/ปี แล้ว อาจจะมีของแถมอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา…ภายใต้เงื่อนไขไม่มีเหตุการณ์ร้ายที่นอกเหนือการควบคุมเกิดขึ้น
ความพัวพันอลวนในเชิงบวกของ JASIF JAS และ JAS-W3 จึงเข้าข่ายเพลงลูกทุ่งเก่าแก่ของยอดรัก สลักใจ
“….จำปูนน้องเจ้าจำปี จำปีพี่เจ้าจำปา
น้องนางสำอางโสภา ฉันรักจำปา จำปูน จำปี…”
เลือกยากแบบนี้ …ปวดหัวไปอีกแบบ
“อิ อิ อิ”