อารมณ์ล้วนๆ

*ในที่สุดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็จบลงที่เรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล แรงเทขายที่มีออกมาในคราวนี้แสดงถึงนักเล่นยังมีอาการหวั่นไหว รู้สึกวิตกกังวลไปหมดทุกอย่าง จึงพยายามเทขายหุ้นเพื่อหันไปถือเงินสดเป็นการทดแทน บวกกับข่าวสารในประเทศยังไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ฝรั่งตาน้ำข้าวถึงพากันเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก ภาพการลงทุนถึงดูหดหู่เป็นที่สุดไงล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ในที่สุดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็จบลงที่เรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล แรงเทขายที่มีออกมาในคราวนี้แสดงถึงนักเล่นยังมีอาการหวั่นไหว รู้สึกวิตกกังวลไปหมดทุกอย่าง จึงพยายามเทขายหุ้นเพื่อหันไปถือเงินสดเป็นการทดแทน บวกกับข่าวสารในประเทศยังไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ฝรั่งตาน้ำข้าวถึงพากันเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก ภาพการลงทุนถึงดูหดหู่เป็นที่สุดไงล่ะค่ะ

*เมื่อภาพการลงทุนในด้านต่างๆ ยังขมุกขมัว ตัวแปรที่ชี้วัดเรื่องราวยังลอยไปลอยมา เท่ากับเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนมีอาการเตลิดเปิดเปิงเข้าไปใหญ่ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีโดนเทขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะมาปิดที่ 1,568.02      จุด ลบไป 1 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.53 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่มองเป็น “โอกาส” หรือ “อุปสรรค” ก็ได้ทั้งนั้นนะคะ

*ประกอบกับสัปดาห์นี้มีวันหยุดคั่นกลางสัปดาห์ ย่อมทำให้นักเล่นบางส่วนอยากชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์ดังกล่าวให้แน่ใจเสียก่อน เพราะรูปแบบการเล่นเที่ยวนี้ยึดหลัก “พวกมาก ลากไป” เดี๊ยนถึงต้องกลับมาตั้งหลักที่จุดเริ่มต้นเดิมอีกครั้ง เพราะดูตามรูปการที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ต่างประเทศบวก..ตลาดหุ้นไทยลบ พอตลาดหุ้นต่างประเทศลบ..ตลาดหุ้นไทยก็ลบตาม จึงไปไหนได้ไม่ไกลสักทีเจ้าค่ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ของหุ้นน้องใหม่ PTTGC ทุกอย่างทำมาดีทุกขั้นตอน แต่บรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อให้มีการไล่ราคา วานนี้ถึงมีแต่แรงเทขายออกมาเพียวๆ หุ้นถึงอ่อนตัวลงมาปิดที่ 72.75 บาท ลบไป 2 บาท ด้วยมูลค่า 1.77 พันล้านบาท มันทำให้เห็นว่า ยุทธการขายหมูไปเรื่อยๆ ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ ยิ่งขายหมูมากเท่าไหร่ ยิ่งปั่นรอบกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น วันนี้จึงน่าลองเสี่ยงดูสักตั้ง เพราะหุ้นลงมาคราวนี้ มันเกิดจากอารมณ์ตระหนก ไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานเลยนะจะบอกให้

*ส่วนที่น่าลองเสี่ยงดูสักตั้งคงหนีไม่พ้น TU หุ้นปลากระป๋องที่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” มองกิมมิคของหุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ และยังมองเห็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้รายย่อยโกยกำไรได้ไม่อั้น แถมข่าวเม้าท์ที่ออกมาตามห้องค้ามีแต่คำแนะนำให้ลุยสุดซอย มันหมายความว่าทุกคนเริ่มมองเรื่องปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่  22.60  บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่า 690 ล้านบาทนะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ SAWAD หากมองตามรูปเกมที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า มีข่าวดีรองรับเต็มประตูหน้าต่าง และหุ้นก็ดีดตัวรับข่าวดังกล่าวอย่างเต็มที่ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวก็ต้องเลิกรากันไปโดยปริยาย “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอรีที่เห็นหุ้นแกว่งตัวไปมาในกรอบ 38-45 บาท แต่ที่น่าสนใจคือ วานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 46 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.95%  ด้วยมูลค่า 375 ล้านบาท มันเป็นนิวไฮของปี 60 จึงน่าจะมีอะไรดีๆ ออกมาเพิ่มเติมในภายภาคหน้าอีกแน่นอนเจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งตัวที่หวือหวาไม่แพ้กันกลายเป็น ASAP ยังมีแรงซื้อไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนหุ้นพยายามจะยกตัวสูงขึ้นตลอดเวลา “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักพอสมควร เพราะวันก่อนเพิ่งดันขึ้นไปถึง 4.92 บาท ต่อจากนั้นโดนกดรูดมหาราชลงมาปิดที่ 4.50 บาท   แต่พอมานึกอีกทีจะเห็นว่า เที่ยวนี้เขามองกันที่เรื่องอารมณ์มากกว่าเหตุผล จึงไม่ต้องไปสืบเสาะข้อมูลที่เป็นรูปธรรมให้เสียเวลา ถ้าทุกคนเข้าใจเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.22% ด้วยมูลค่า 218 ล้านบาท ก็คงไม่มีอะไรต้องสอบถามอีก…อิอิอิ

*เม้าท์ถึงเรื่องดันหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้น AS สักเล็กน้อย ว่ากันว่า ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ความสามารถในการทำกำไรเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.84 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 9.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาท  แสดงว่า ขาปั่นน่องเหล็กยังช่วยกันดันสุดฤทธิ์ ..งานนี้มองสั้นคุ้ม มองยาวไม่คุ้มเจ้าค่ะ

*ผิดกับหุนสุดรักอย่าง BEM เหตุผลไม่มีอะไรมาก แค่เห็นแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน บวกกับเห็นไซเคิลของหุ้นเคลื่อนตัวเป็น W-Shape จึงเป็นจังหวะที่ต้องไหลตามน้ำ อีกทั้งยอดเดิม 2 ครั้งที่ผ่านมาอยู่ตรงบริเวณ 7.65 บาท กับราคา 8 บาท ย่อมมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปอีกครั้ง ล่าสุดหุ้นปิดที่ 7.45 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2% วอลุ่มแน่นขนัด มีนัยหรือไม่? ลองไปคิดกันเอาเองนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ UKEM หากมองโครงสร้างธุรกิจแบบยาวๆ จะเห็นว่า นี่เป็นหุ้นที่น่าไหลตามมากสุดตัวหนึ่ง บวกกับมีแฟนคลับคอยตามเชียร์แบบเกาะติดขอบเวที “โมนิก้า” ถึงชอบมองหุ้นในช่วงที่โดนไล่ราคาขึ้นแรงๆ รอบก่อนทำราคาสูงสุดไว้ที่ 2.32 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.40 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 166 ล้านบาท มันน่าตามไปดูไหมค่ะ

Back to top button