SET ไซด์เวย์กรอบแคบ เลือกซื้อ 25 หุ้นกำไรโต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุน และส่วนหนึ่งรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การลงทุนยังคงเน้นเก็งกำไรกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาสแรกของปีจะออกมาดีเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.66 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มเล็กน้อย หลังนักลงทุนซึมซับข่าวนายเอมมานูเอล มาครอง คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งผลการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดและโพลล์สำรวจส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุน และส่วนหนึ่งรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การลงทุนยังคงเน้นเก็งกำไรกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาสแรกของปีจะออกมาดีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก KCE-KKP-PTTGC-WORK-SAWAD-LIT-THANI-AOT-ERW-TACC-BIG-HANA-SCB-EA-BPP-MTLS-TISCO-BCPG-WORK-GFPT-BLAND-AH-CM-TCAP และ KAMART

 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (9 พ.ค.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากตลาดฯยังขาดปัจจัยหนุน และยังต้องรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย ซึ่งถ้าออกมาดีกว่าคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไร แต่ถ้าออกมาแย่กว่าคาดอาจจะมีแรงขาย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งในแดนบวกเล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันรีบาวด์สั้นๆ แนะนำให้ติดตามหุ้นที่จะเข้าสู่การคำนวณ ของ MSCI ซึ่งจะประกาศในวันที่ 15 พ.ค.นี้ แต่จะรู้ผล 16 พ.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าหุ้น TCAP จะเข้าสู่การคำนวณ ส่วนหุ้น BEC จะถูกถอนออกจากการคำนวณ พร้อมให้แนวรับ 1,562 จุด ส่วนแนวต้าน 1,576 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.) ว่า ยังไม่เห็นปัจจัย “บวก” ที่จะทำให้ SET ปรับสูงขึ้นแรงอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ด้วย Upside 1,580-1,590 จุด ไม่ว่าจะเป็น 1) ภาพเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวต่ำ มีเพียงการลงทุนภาครัฐฯ และภาคการส่งออกที่ดี ขณะที่การบริโภคส่วนใหญ่มาจากยอดขายรถยนต์ที่ดีขึ้น 2)  ภาพการเคลื่อนย้ายเงินทุน มีโอกาสย้ายไปที่สินทรัพย์ในรูปเงิน US$ โดย Implied fed fund futures ให้โอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.25% ในเดือน มิ.ย.100% 3) กำไรบริษัทจดทะเบียน ขยายตัวต่ำ 5-6% ปีนี้ ขณะที่ Consensus ยังไม่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แนะนำ “ซื้อ” KCE (TP 132.00 บาท) แม้กำไรไตรมาส 1/17 ไม่น่าตื่นเต้น เนื่องจากราคา copper foil ที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่า แต่คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี โดยค่าเงินบาทที่ค่อยๆ อ่อนค่าก่อนการขึ้นดอกเบี้ย Fed เดือน มิ.ย. และราคา Copper foil ที่ค่อยๆ ปรับลดลง และกำลังการผลิตเพิ่ม 500k ตารางฟุต/ปี ปีนี้ หนุนกำไรเติบโต 18-30% ในปี 2017-18 .สำหรับหุ้น “Selective” ยังแนะนำ “ซื้อ” TISCO KKP  PTTGC WORK SAWAD  LIT THANI  ต่อไป

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.) SET ผันผวนในกรอบจำกัด (+/-5) ตลาดขาดความต่อเนื่อง (พรุ่งนี้หยุดทำการเนื่องในวันวิสาขบูชา) ประกอบกับไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ ทำให้ดัชนีเดินหน้าต่อลำบาก ส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรผลประกอบการรายตัว แต่ถูกหักล้างด้วยแรงขาย Sell on fact ทิศทาง Fund Flow ยังไม่ชัดเจนแม้วานนี้นักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคทุกตลาดแต่ไหลเข้าตลาดบ้านเราเพียงเล็กน้อย

กลยุทธ์ช่วงนี้ยังเน้น Selective หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/17 จะออกมาดี (AOT, ERW, TACC, BIG, HANA) และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ SCB รับผลบวกดอกเบี้ยขาขึ้น, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ได้ผลบวกยอดขาย Semiconductor ปรับตัวขึ้นทำ New high และค่าเงินบาทอ่อนค่า, และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (BCPG WORK GFPT)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : MTLS (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท) คาดประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/17 เพิ่มขึ้นโดดเด่นเป็น 531 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน และ 90% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลประกอบการดังกล่าวจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเก็งกำไร นอกจากนี้ MTLS ยังเป็นตัวเต็งทีคาดว่าจะได้รับเข้าคำนวณในดัชนี SET 50 รอบใหม่

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.) คาดดัชนี SET ยังทรงตัวในกรอบ 1,560 – 1,580 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร BLAND (+ มีโอกาส Revalue สินทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า) ส่วนหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางโมเมนตัม เช่น  AH , CM , KAMART

Back to top button