แถลงปัญหาหรือแถลงผลงาน
มันชักจะไม่เป็นคำถามต่อไปแล้วล่ะสิ ยิ่งอยู่ไปก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกทีว่ามันยังไม่ฟื้น นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลทุ่มเทลงไปตลอด 3 ปีมานี้ เหมือนกับจะสูญเปล่า แทบจะไม่มีผลปลุกหรือกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ขึ้นมาได้เลย
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
มันชักจะไม่เป็นคำถามต่อไปแล้วล่ะสิ ยิ่งอยู่ไปก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกทีว่ามันยังไม่ฟื้น นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลทุ่มเทลงไปตลอด 3 ปีมานี้ เหมือนกับจะสูญเปล่า แทบจะไม่มีผลปลุกหรือกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ขึ้นมาได้เลย
นโยบายสินเชื่อเพื่อให้ประชาชนรายย่อย-รายจิ๋วเข้าถึงแหล่งเงินทุนและให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้นอกระบบ ก็ปรากฏว่า ทั้งนาโนไฟแนนซ์ พิโกไฟแนนซ์ ล้มเหลวไปเสียทั้งนั้น ขณะนี้มาปัดฝุ่น “ไมโครเอสเอ็มอี” อีก ก็ดูท่าจะประสบชะตากรรมไม่ต่างกันนัก
แม่ทัพเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างดร.สมคิด ดูจะถนัดในการคิดโน่นคิดนี่แบบเอาเท่เข้าไว้มากกว่า แต่ผลทางปฏิบัติจะเป็นอย่างไรก็ค่อยไปว่ากันอีกที
“ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์” หรือ “กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย” คือตัวอย่างความล้มเหลวล่าสุด
แต่แรกก็ตีปี๊บกันมาราวกับเป็นกองทุนแก้วสารพัดนึก แต่พอลงลึกในขั้นรายละเอียด หน่วยงานปฏิบัติคือกระทรวงคมนาคมกลับพบว่า ต้นทุนทางการเงินจะสูงกว่าการกู้ยืมในช่องทางปกติเช่นการออกพันธบัตรมาก
ดอกเบี้ยพันธบัตรอยู่ในระดับ 3.5% แต่กองทุนฯจะต้องจ่ายผลตอบแทนผู้ถือหน่วยลงทุนในระดับ 7-8% ด้วยเหตุนี้โครงการจึงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ กระทรวงการคลังเพิ่งประกาศยกธงขาวเมื่อไม่กี่วันมานี้
“ไทยแลนด์ 4.0” ยิ่งนับวันยิ่งเห็นความย้อนแย้งและนับวันก็ยิ่งเป็นตลกชวนหัวยิ่งขึ้นทุกวัน
เขาเปรียบเปรยกันว่า ระบบการศึกษาไทยยังคงเป็นแค่ 0.4 ระบบราชการไทยก็ยังแค่ 0.4 แล้วจะให้เศรษฐกิจไทยมันเป็น 4.0 ที่มีนวัตกรรมได้อย่างไร
คนฟังก็ไม่รู้เรื่อง คนพูดก็ไม่แน่ว่าจะเข้าใจเรื่องที่พูดหรือเปล่า นอกจากย้อนแย้งและตลกชวนหัวแล้ว ยังเสียเวลาของการบริหารราชการแผ่นดินอีกต่างหาก
แทนที่จะคิดถึงเรื่องใหญ่อย่างเช่น ทำอย่างไรจะลดพื้นที่ปลูกข้าวภาคกลางในลุ่มน้ำเจ้าพระยาลงสักครึ่งหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าว แล้วส่งเสริมให้ชาวนาไปปลูกพืชชนิดอื่นรวมทั้งบ่อปลาที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกว่า
อุตสาหกรรมอาหารจะส่งเสริมอย่างไรให้มีการต่อยอดจากวัตถุดิบเป็นต้น
ปัญหาที่รัฐบาลปกปิดมาตลอดในเรื่องฐานะการคลังว่า ไม่มีปัญหาอะไร มีเงินจับจ่ายใช้สอยได้สบายมือแม้กระทั่งกล้าตัดสินใจสั่งซื้อเรือดำน้ำ แต่ในที่สุดฝีก็แตก
เมื่อรัฐบาลไม่ยอมอนุมัติบรรจุลูกจ้างชั่วคราวพยาบาลกว่า 1 หมื่นตำแหน่งให้เป็นข้าราชการประจำ
นี่มันอะไรกันเนี่ย ทีซื้อเรือดำน้ำ 1.8 หมื่นล้านบาท ซื้อรถถังจีน 2 พันล้านบาท และยังจะซื้อเบิ้ลรถถังจีนล็อตใหม่อีกยังทำได้ แต่พยาบาลรัฐซึ่งทำงานหนัก-เงินเดือนน้อย จะขอบรรจุเป็นข้าราชการประจำ ทำไมทำให้ไม่ได้
เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบจะ 3 ปีแล้ว นายกฯพล.อ.ประยุทธ์สั่งการเป็นการใหญ่ให้กระทรวงทบวงกรมตีปี๊บผลงาน 3 ปีแห่งการยึดอำนาจ
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ก็เสนอภาพดีทางเศรษฐกิจขึ้นมาด้วย แต่คนกันเองรู้ใจกันดีกับคสช.อย่างบรรยง พงษ์พานิช เขียนเฟซบุ๊คร้องทักขึ้นมาว่า…
“นี่มันแถลงปัญหาหรือแถลงผลงาน”
คำแถลง BOI ถึงขั้นนสพ.ฉบับหนึ่งเอาไปพาดหัวไม้ใหญ่โตได้เลยว่า “นโยบายประยุทธ์เห็นผล การลงทุน 3 ปีโต 1.7 ล้านล้านบาท”
แต่พอไปดูไส้ในที่มีรายละเอียดว่าปี 57 มีการลงทุน 6 แสนล้านบาท ปี 58 ลดเหลือ 5 แสนล้านบาท แต่พอปี 59 ก็หดลงอีกเหลือแค่ 4.9 แสนล้านบาท (ไม่รู้รวมเอากลุ่มกัลฟ์เพาเวอร์ 7 หมื่นล้านบาทที่คสช.สั่งระงับการก่อสร้างด้วยหรือเปล่า) และ 3 เดือนแรกของปีนี้มีอีก 8 หมื่นล้านบาท
คุณบรรยงก็ตบอกผางว่า นี่มันตัวเลขหดตัว (นี่หว่า) ไม่ใช่การขยายตัว ซึ่งเท่ากับว่าปี 58 หดตัว 17% ปี 59 หดตัวอีก 2% และปีนี้ เท่าที่ดูตัวเลข 3 เดือน อาจจะหดตัวได้มากถึง 35% เลยทีเดียว
ถึงได้เป็นที่มาของคำอุทานว่านี่มัน “แถลงปัญหา” หรือ ”แถลงผลงาน” ไง
กลิ้งเหมือนน้ำวิ่งบนใบบอนเชียว