PLANB ผลงานโตสวนกระแสอุตสาหกรรมสื่อฯ ชู 3 ปัจจัยหลักหนุนธุรกิจปี 60

PLANB โตสวนกระแสอุตสาหกรรมสื่อฯ Q1/60 ยอดขายเพิ่ม 24.3% พร้อมชู 3 ปัจจัยหนุนธุรกิจปี 60


บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ระบุว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตสวนกระแสอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา โดยในไตรมาส 1 ปี 2560 ยอดขายเพิ่ม 24.3%, กําไรเติบโตสูง 68.80% พร้อม 3 ปัจจัยหนุนธุรกิจปี 2560 เร่งผลประกอบการ แพลนบีเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2560 แข็งแกรง่ และเติบโตในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม รายได้รวม 692.3 ล้านบาท เติบโต 24.3%

ด้านผลกําไรสุทธิ108.61 ล้านบาทเติบโต 68.8% จากการเติบโตของสื่อ ทุกประเภท และแรงหนุนสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งบริ หารสิทธิฟุตบอลไทย แนวโน้มปี 2560 เติบโตสูงจาก 3 ปัจจัยหนุน ดังนี้ 1. รายได้สื่อเติบโตตามเป้ากว่า 20% พื้นที่สื่อฯพร้อมขาย 4.4 พันล้านบาท เน้นเรง่ อัตราการใช้สื่อ (Utilization Rate) ผลักดันอัตรากําไร  2. ธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งช่วย เร่งอัตรากําไรก้าวกระโดด และ 3.บันทึกกําไรสะสมเพิ่ม 23.3 ล้านบาทจากการยกเลิก ESOP2 แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจไทยและอุตสาหกรรมโฆษณาจะชะลอตั้งแต่ในช่วงปี 2559 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2560 แต่แพลนบียังคง เดินหน้าลงทุนและพัฒนาเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มความหลากหลายและกระจายตัว ของสื่อและสามารถเข้าถึงชีวิตประจําวันของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้การขยายธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งบริหารสิทธิทางการค้า ของสมาคมฟุตบอลฯ ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ผลประกอบการมีพัฒนาการที่โดดเด่นในทุกด้าน ดังนี้รายได้รวม 692.3 ล้านบาท เติบโต 24.3% จากปีก่อน โดยเติบโตจากสื่อโฆษณาทั้ง 5 ประเภทหลัก และสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง โดยเฉพาะสื่อ โฆษณาดิจิตอล สื่อโฆษณาในสนามบิน และสื่อโฆษณาในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นกลุ่มสื่อโฆษณาที่ขยายการลงทุนในปีที่ผ่านมา (รายละเอียดตามด้านล่าง) และผลจากการฟื้นตัวของสื่อในระบบขนส่งมวลชน และสื่อโฆษณาภาพนิ่ง จากการทํารายการส่งเสริมการขาย ของบริษัทในไตรมาสที่ผ่านมา – กําไรสุทธิไม่รวมค่าใช้จ่าย ESOP เท่ากับ 108.61 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 68.8% จากปีก่อน จากธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งซึ่งมีอัตรากําไรที่สูง

ประกอบกับอัตราการใช้สื่อ (Utilization Rate) ที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 59.3% เป็น 60.5% – อัตรากําไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 10.8% ในไตรมาส 1 ปี 2559 เป็น 14.6% ในไตรมาส 1 ปี 2560 ถึงแม้ไตรมาส 1 จะเป็นช่วง Low Season แต่บริษัทยังคงอัตรากําไรสุทธิให้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกําไรสุทธิปี 2559 ซึ่งเท่ากับ 14.4% แสดงถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตรากําไรสุทธิ จากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสําคัญ

ทั้งนี้ในไตรมาสที่ผ่านมา แพลนบีได้พัฒนาสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นความหลากหลายของพื้นที่สื่อและการ กระจายตัวของสื่อเพื่อสามารถเข้าถึงชีวิตประจําวันของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพัฒนาการที่สําคัญ ดังต่อไปนี้ – การเปิดให้บริการดอนเมืองดิจิตอลเน็ตเวิร์ค (Don Meung Digital Network) อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย จอภาพดิจิตอล 102 แห่ง, จอภาพแบบสัมผัส 20 แห่งและจุดบริการชาร์ตโทรศัพท์เคลื่อนที่จํานวน 168 จุด ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยอํานวยความสะดวกให้กับ นักเดินทางและเพิ่มมูลค่าให้กับสื่อโฆษณาของบริษัท

ขณะที่ การขยายความครอบคลุมของเครือข่ายโฆษณาดิจิตอล Plan B TV Nationwide เพิ่มเติมโดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2560 ได้เปิดให้บริการ รวมทั้งสิ้น 63 จอภาพใน 45 จังหวัด เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในระยะยาว บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาช่องทางและเพิ่มความหลากหลายด้วยนวัตกรรมของสื่อโฆษณา เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

รวมไปถึงการขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยไปยังภูมิภาคอาเซียนเพื่อสามารถเข้าถึง ผู้บริโภคทั่วทั้งภูมิภาคตามแผน นอกจากนี้ในปี 2560 บริษัทจะสามารถรักษาการเติบโตของผลประกอบการด้วย 3 ปัจจัย  ดังนี้

1. การเติบโตของรายได้สื่อทุกประเภท โดยบริษัทคงเป้าหมายรายได้จากสื่อโฆษณาเติบโต 20-25% จากปีก่อนหน้า และมีพื้นที่ให้บริการ สื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยครบวงจร (Media Capacity) กว่า 4.4 พันล้านบาท สามารถรองรับความต้องการสื่อโฆษณาของตลาดที่ฟื้นตัว ได้ทันท่วงทีและยังเดินหน้าลงทุนในปี 2560 อีก 400-500 ล้านบาท นอกจากนี้ จากโครงสร้างต้นทุนของบริษัทซึ่งมีสัดส่วนต้นทุนคงที่ใน อัตราสูง รายได้ส่วนเพิ่ม (Marginal revenue) จะยิ่งช่วยผลักดันให้ผลกําไรและอัตรากําไรของบริษัทให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

2. รายได้จากธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งบริหารสิทธิของสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งบริษัทสามารถจัดหารายได้ให้กับสมาคมฟุตบอลฯ สําหรับปี 2560 แล้วมากกว่า 550 ล้านบาท โดยจะได้รับส่วนแบ่งค่าบริหารจัดการในอัตรา 22.5%

ทั้งนี้รายได้จากหน่วยธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเป็นอีก ปจจัยที่ช่วยหนุนให้กําไรและอัตรากําไรของ ปี 2560 พัฒนาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังสามารถใช้ Content ฟุตบอลไทยเพื่อช่วยต่อยอด รายได้จากธุรกิจหลักในการเข้าถึงผู้บริโภคในช่องทางอื่นฯ อาทิการจัด Event ต่างๆ สื่อโทรทัศน์สื่อออนไลน์เป็นต้น 3. การบันทึกกําไรสะสมเพิ่มอีก 23.3 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2560 จากการยกเลิก ESOP โครงการ 2 ซึ่งบริษัทได้หักจากกําไรสุทธิ ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2559 และบันทึกอยู่ในส่วนเกินทุนรวมทั้งสิ้น 23.3 ล้านบาท การยกเลิกดังกล่าวจึงส่งผลให้บริษัทมีกําไรสะสมเพิ่มขึ้น พร้อมสําหรับการจ่ายเงินปนผลเพิ่มเติม ั สําหรับผลประกอบการของปี 2560

Back to top button