“ขจรพงศ์” รับผถห.ใหญ่ EARTH ถูกฟอร์ซเซล-Q1 ขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น
“ขจรพงศ์” รับผู้ถือหุ้นใหญ่ EARTH ถูกฟอร์ซเซล - ชี้ไตรมาส 1/60 แค่ขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดบริษัท
นายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ถึงกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างหนักจนติดฟลอร์ในช่วงวันที่ 11-12 พ.ค.60 ที่ผ่านมา ว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงนั้นเนื่องจากถูกฟอร์ซเซล (บังคับขายหุ้น) ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด
โดยมีสาเหตุมาจากบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่ระบุว่า ในช่วงนี้ธุรกิจถ่านหินเข้าสู่ช่วงขาลง และราคาถ่านหินมีแนวโน้มลดลง จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมา และส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยเกิดความวิตกกังวลเช่นกัน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างหนัก
นอกจากนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนที่ซื้อขายแบบมาร์จิ้นได้รับผลกระทบในการถูกฟอร์ซเซลครั้งนี้ และส่งผลกระทบไปถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางส่วน ที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นในการซื้อขายหุ้นบริษัท ได้รับผลกระทบจนถูกฟอร์ซเซลตามไปด้วย
อนึ่ง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เปิดบัญชีมาร์จิ้น เพื่อซื้อหุ้นของบริษัทไว้บางส่วน ในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงและมีนักลงทุนเทขายออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเป็นการซื้อเก็บเป็นระยะๆ และไม่ได้ทำการซื้อขายกันเองแต่อย่างใด
“ช่วงที่ถูกฟอร์ซเซลเป็นช่วงที่ราคาไหลลงมาแรงและเร็วมาก จึงทำให้เติมเงินกันไม่ทัน และไม่มีได้มีเจตนาที่จะเทขายหุ้น แต่เป็นการถูกฟอร์ซเซล” นายขจรพงศ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า บริษัทได้นำหุ้นไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากสถาบันการเงินนั้น เนื่องจากบริษัทต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างเยอะ และต้องขอวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ดังนั้นตนจึงนำหุ้นส่วนตัวที่ถืออยู่ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อค้ำวงเงินกู้ให้กับบริษัท สำหรับในการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจ ซึ่งหุ้นในส่วนนี้ไม่ได้ถูกฟอร์ซเซล เนื่องจากเป็นหลักประกันที่อยู่ในสถาบันการเงิน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/60 มีผลขาดทุนสุทธิ เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 341 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งบริษัทมีรายได้เงินเหรียญมากกว่าเงินบาท จึงต้องทำบัญชีเป็นสกุล US dollar
ดังนั้นเมื่อบริษัทออกหุ้นกู้เป็นเงินบาท ซึ่ง ณ วันที่ออกหุ้นกู้บริษัทต้องแปลงเงินบาทเป็นสกุลเงินเหรียญ โดยวันที่ออกหุ้นกู้ราคาเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 35 บาท ขณะที่ในช่วงปิดงงบไตรมาส 1/60 ราคาเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 34 บาท จึงส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุน แต่เป็นการขาดทุนทางบัญชี ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท
อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมผลการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จะทำให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 จำนวน 272 ล้านบาท
ด้านราคาหุ้นปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 2.28 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 6.54% มูลค่าซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท