ทริกเกอร์ฟันด์ เป็นผู้ร้ายพลวัต2015

ตลาดหุ้นไทยที่นักวิเคราะห์หลายสำนักเคยบอกว่าหลังสงกรานต์ มีแนวโน้มจะบวกไปประมาณ 2-3% โดยอ้างถึงสถิติบางอย่างย้อนหลัง 5 ปี ออกอาการเรรวนเป็นวันที่สองต่อเนื่อง


ตลาดหุ้นไทยที่นักวิเคราะห์หลายสำนักเคยบอกว่าหลังสงกรานต์ มีแนวโน้มจะบวกไปประมาณ 2-3% โดยอ้างถึงสถิติบางอย่างย้อนหลัง 5 ปี ออกอาการเรรวนเป็นวันที่สองต่อเนื่อง

แม้นักวิเคราะห์จะพยายามอธิบายว่า เกิดจากแรงกังวลจากปัญหาผลกระทบของหนี้กรีซต่อยูโรโซน หรือจากปัญหาจีนออกมาตรการอนุญาตให้เพิ่มการทำชอร์ตเซลมากขึ้น แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยอยู่ที่ว่า แรงเทขายหลักของกองทุนรวม หรือนักลงทุนสถาบันที่ค่อนข้างแรง คือตัวการสำคัญในการร่วงแรงของดัชนีตลาด

กองทุนที่มีบทบาทสำคัญในการถล่มหุ้นหลังสงกรานต์รอบนี้ (แม้จะไม่ใช่ผู้ร้ายในนิยามของใครบางคน) คือ ทริกเกอร์ฟันด์ หรือกองทุนเป้าหมาย (targeted funds) ซึ่งเป็นการออกแบบกองทุนซื้อขายหลักทรัพย์ตามกำหนดระยะเวลา ที่ระยะหลังได้รับความนิยมสำหรับนักลงทุนที่ไม่อยากซื้อขายหุ้นเองอย่างมาก เพราะออกมาทีไร ขายหมดทีนั้น

……………..

 

สรุปการซื้อขานักลงทุนรายกลุ่ม ณ วันที่ 20 เมษายน 2558

หน่วย: ล้านบาท

นักลงทุน

ซื้อ

ขาย

สุทธิ

มูลค่า

%

มูลค่า

%

มูลค่า

%

สถาบันในประเทศ

1,884.45

4.85

3,511.03

9.03

-1,626.58

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์

4,016.20

10.33

3,229.74

8.31

786.46

นักลงทุนต่างประเทศ

13,810.83

35.52

13,839.92

35.60

-29.09

นักลงทุนทั่วไปในประเทศ

19,165.34

49.30

18,296.12

47.06

869.22

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์ฯ

…………….

 

ตัวเลขที่ยกมา เห็นชัดว่า เมื่อวานนี้ ทริกเกอร์ฟันด์เป็นผู้นำหลักขายสุทธิ ทำให้ดัชนีร่วงแรง แต่พวกเขาก็มีเหตุผลอธิบาย ว่ากฎของการตั้งกองทุนกำหนดเอาไว้ว่า เมื่อทำกำไรหรือให้ผลตอบแทนถึงเป้าแล้ว ต้องขายหลักทรัพย์ที่ถือไว้ทิ้ง เพื่อปิดกอง เอาเงินไปคืนผู้ถือหน่วย ขืนทำอย่างอื่นก็ผิดเงื่อนไข

กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับตลาด โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทั้งหลาย จะเป็นผู้ที่ออก และกำหนดเงื่อนไข เพื่อออกขายกับนักลงทุนที่สนใจ ซึ่งมีเป้าหมายเฉพาะหลัก 2 อย่างคือ  ผลตอบแทนและเวลา

ตัวอย่างที่กำหนดกันไว้ จะมีการกำหนดระยะเวลาในการทำกำไร ตามเป้าหมายที่กำหนด เช่น กำไร 87% ภายใน 8 เดือน แต่ถ้าภายในระยะเวลาที่ไม่ถึง 8 เดือน ถ้าผลตอบแทนบรรลุเป้าหมาย ก็ต้องทำการปิดกอง คืนเงินต้น+กำไร 8% ให้

นั่นเป็นกรณีที่มีกำไร แต่ทางกลับกัน ถ้าครบ 8 เดือนแล้ว ยังได้กำไรไม่ถึงเป้าหรือขาดทุน เขาก็จะปิดกอง คืนเงินให้นักลงทุนตามราคาขณะที่ปิดกอง เป็นไปตามเงื่อนไขกำหนด

อีกมุมหนึ่ง ทริกเกอร์ฟันด์ที่ไม่ได้ผลตอบแทนตามเป้า บลจ. ก็อาจจะปรับเปลี่ยน ให้กลายเป็นกองทุนเปิด ซึ่งตรงนี้เองนักลงทุนที่ไม่เข้าใจก็จะเกิดคำถามขึ้นมา ว่าทำไมผลตอบแทนไม่เป็นไปตามเป้าที่ บลจ.ตั้งเป้าไว้  เท่ากับความไว้เนื้อเชื่อใจบลจ. จางหายไปในกลุ่มนักลงทุน เสียชื่อไปนาน

ในภาพรวม ทริกเกอร์ฟันด์มีข้อดีคือ แรงซื้อของกองทุนฯ จะช่วยหนุนตลาดหุ้นได้ในระยะสั้นๆ ซึ่งหากหมดเเรงซื้อแล้วก็จะนิ่งๆ รอจังหวะดัชนีดีดกลับขึ้นไปเพื่อให้ได้ตามเป้า แล้วปิดกอง

ส่วนข้อเสีย หากทริกเกอร์ฟันด์ได้ผลตอบแทนตามที่ตั้งเป้าไว้ก็จะเทขายออกเพื่อปิดกอง  ซึ่งหากขายพร้อมกัน ก็จะยังผลให้เกิดปรากฏการณ์หุ้นร่วงหนัก ดังที่เกิดขึ้น สองวันที่ผ่านมา  ทำให้ตลาดหุ้นระยะสั้นๆ ได้รับผลกระทบทางลบ

ปี 2556 เป็นปีที่ทริกเกอร์ฟันด์จำนวนมาก มีปัญหาการทำผลตอบแทนที่น่าผิดหวัง เพราะตั้งเป้าหมายทำกำไรในเวลานานเกิน เช่น 10% ใน 10 เดือน หรือ 12% ใน 1 ปี ซึ่งหากมีความผันผวนระหว่างนั้น อาจจะมีปัญหาได้ ดังนั้น นับแต่ปี 2557 เป็นต้นมา การตั้งเงื่อนเวลาและผลตอบแทนจึงมีระยะสั้นลง เป็น 6% ใน 6 เดือน หรือ 4% ใน 4 เดือน ซึ่งปรากฏว่าประสบความสำเร็จด้วยดี และนักลงทุนพึงพอใจเพราะได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายง่ายและเร็ว ไม่ต้องเสี่ยงรอนานเกินไป

ความนิยมของการตั้งทริกเกอร์ฟันด์ระยะสั้น จึงกลายเป็นกระแสที่เกิดขึ้น เมื่อใดที่หุ้นร่วงหนัก ก็จะตั้งกองเข้ามาช้อนซื้อเอาไว้ รอเวลาขายทำกำไรเพื่อปิดกองเมื่อถึงเป้า

ปีนี้ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงมาที่ระดับ 1,500 จุด ก็มีการตั้งกองทริกเกอร์กันหลายสิบกองเข้ามา ซึ่งผลลัพธ์ที่เห็นชัดคือ มีการเข้าช้อนซื้อหุ้นในราคาต่ำที่ดัชนีใกล้เคียงกับ 1,500 จุด จนกระทั่งเกิดแรงซื้อกลับให้ดัชนีกันกลับมายืนเหนือ 1,570 จุดได้ ถือว่าค่อนข้างมากถึงประมาณ 4.5% ซึ่งหากคิดจากสูตรและเงื่อนไข 4% ใน 4 เดือน ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จเร็วเกินคาด ต้องปิดกอง

การขายหุ้นทิ้ง จนดัชนีร่วงยามนี้ จึงเป็น “ภาคบังคับ” ของทริกเกอร์ฟันด์ที่ไม่อาจจะกล่าวโทษได้ แต่ถือว่าเป็นปกติธรรมดา เพราะตลาดมีขึ้นได้ ย่อมมีลงได้ เช่นกัน ไม่ได้เป็นความเลวร้ายที่จะต้องค้นหาผู้ร้ายหลังเวที

ที่น่าสนใจ อยู่ตรงที่ว่า ยังมีทริกเกอร์ฟันด์ จะต้องขายหุ้นทิ้งเพื่อปิดกองอีกหลายพันล้านบาทนี่สิ จะทำอย่างไร

 

Back to top button